หากคุณเป็นเจ้าของ Website ที่ต้องการให้ Website ของคุณประสบความสำเร็จ นอกจากเนื้อหาที่อยู่ภายในแล้วตัว Website เองก็ต้องจัดทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือด้วย โลกออนไลน์ที่เชื่อมโยงข้อมูลหากันได้อย่างไร้พรมแดน คงยากที่ทุกสิ่งอย่างจะปลอดภัยโดยที่ไม่มีระบบป้องกันมารองรับ ผู้ใช้งานก็ต้องการให้ข้อมูลของตนที่ส่งให้กับ Website นั้นถูกเก็บเป็นความลับที่สุด การติดตั้ง SSL เพื่อให้ Website ถูกเรียกผ่านโปรโตคอล HTTPS คือทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะ SSL ช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากบรรดาแฮกเกอร์ที่มีอยู่เต็มไปหมดได้

ผู้ที่สนใจติดตั้ง SSL Hosting ให้กับ Website เมื่อสืบค้นหาข้อมูลก็จะพบว่า SSL มีให้เลือกหลายประเภท จนหลายท่านเกิดความสงสัยว่า แล้ว Website ของเราต้องใช้ SSL แบบไหนจึงจะเหมาะสม มาติดตามหาคำตอบจากบทความนี้กันได้เลย อันดับแรกมาทำความรู้จักกับ SSL แต่ละระดับการป้องกันความปลอดภัยก่อนว่ามีแบบใดบ้าง เพื่อที่จะได้พิจารณาดูว่า Website ของเราต้องการการป้องกันระดับใด ต้องเลือกการรักษาความปลอดภัยให้สัมพันธ์กับชั้นความลับและระดับความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพราะระบบความปลอดภัยยิ่งสูงค่าใช้จ่ายในการดูแลก็สูงตามไปด้วย
- Free ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นระบบการป้องกันขั้นพื้นฐาน ข้อมูลทั่วๆไป หรือ SEO จำพวกบล็อก Portfolio และข้อมูลที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการโจรกรรม
- Single Site ระดับการป้องกันก็ใกล้เคียงกับแบบ Free แต่พิเศษกว่าตรงที่มีป้ายกำกับและรับรองความปลอดภัยให้ด้วย
- Wildcard เป็นระดับการป้องกันที่ต้องใช้รหัส เหมาะสำหรับการใช้งานแยกย่อยมากกว่า 1 โดเมน
- Premium เป็นระดับการป้องกันขั้นสูงที่เหมาะกับ Website ที่เป็นเชิงธุรกิจ ค้าขายออนไลน์
- Advanced เป็นระดับการป้องกันระดับสูงที่สุด มีประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาที่สุด เหมาะกับ Website ที่มีข้อมูลที่เป็นความลับ มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนล้วงข้อมูลเพื่อนำไปหาผลประโยชน์จากผู้ไม่หวังดี
จากนั้นก็อาจจะพิจารณาซื้อใบรับรอง SSL จากเทคโนโลยีของ SSL หรือดูจากระดับการตรวจสอบและระยะเวลาในการออกใบรับรอง SSL ดังนี้
1. ถ้าต้องการแบบที่ตรวจสอบง่ายและออกใบรับรองได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง แนะนำแบบ DV SSL (Domain Validation) ที่ตรวจสอบความถูกต้องของเจ้าของโดเมน เหมาะกับ Website ทั่วไป
2. แบบแสดงชื่อขององค์กรในใบรับรอง แนะนำแบบ OV SSL (Organization Validated ) ที่ตรวจสอบความถูกต้องเจ้าของโดเมนและตัวตนขององค์กรที่ขอใบรับรอง เหมาะสำหรับองค์กร บริษัท หน่วยงาน ที่มีความน่าถือสูง เพราะแบบนี้จะมีชื่อขององค์กรแสดงในใบรับรองให้ด้วย
3. แบบแสดงแถบเขียวบน Browser (Green Address Bar) โดยใช้การตรวจสอบที่เข้มงวด ใช้เวลาในการออกใบรับรองประมาณ 7 – 10 วัน แนะนำแบบ EV SSL (Extended Validation) เหมาะสำหรับองค์กร บริษัทขนาดใหญ่ ที่ต้องการความน่าเชื่อถือและต้องมีภาพลักษณ์ทีดูดีที่สุด