สวัสดีค่ะ
ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสมาเขียนรีวิวผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต !!!
ตอนนี้จองผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันผ่าตัดค่ะ
เราได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัทเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดในครั้งนี้
และกลายเป็นคนตก
งานอยู่ค่ะตอนนี้ 55555
กำลังอยู่ในช่วงตระเวนหาของอร่อยๆกิน
เพราะถ้าผ่าตัดแล้วคงจะกินอะไรไม่ได้พักใหญ่ ช่วงนี้เลยกินไม่หยุดเลยค่ะ
น้ำหนักขึ้นมาเล็กน้อยแต่เดี๋ยวพอผ่าตัดก็ลงค่ะ!!
เราจะเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและ
ศัลยกรรมปรับรูปหน้า(โหนกแก้ม+กราม+คาง)เพื่อแก้ไขคางยื่นค่ะ!
ส่วนทำจมูกเราต้องทำหลังจากทำขากรรไกรไปแล้ว 6 เดือนค่ะ ~
ก่อนผ่าตัด ความจริงเมื่อเทียบดูแล้ว ถ้ามองหน้าตรงเราจะดูคางยื่นไม่มากเท่ากับด้านข้างค่ะ
เพราะฉะนั้นเวลาถ่ายรูปเราเลยจะถ่ายแต่หน้าตรง ไม่ก็หันหลังตลอด
วันที่เดินทางออกจากบ้านไปรพ.เพื่อเข้ารับการผ่าตัด
เราไม่รู้สึกตื่นกลัวใดๆเลยค่ะ อาจเพราะเป็นสิ่งที่อยากจะทำมานานแล้วมั้งคะ
ทันทีที่ถึงรพ. เราได้ไปเปลี่ยนชุดและเข้าพบกับคุณหมออีกครั้งค่ะ
หลังจากฟังคำอธิบายต่างๆจบก็ไปห้องผ่าตัดทันที
ไม่เหลือเวลาให้มานั่งกลัวเลยค่ะ 555555
ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณหมอเสร็จ สูดก๊าซยาสลบประมาณ 2 ครั้ง
ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ผ่าตัดเสร็จแล้วและนอนอยู่ที่ห้องพักฟื้นเรียบร้อยค่ะ
แต่นี่เพิ่งเริ่มต้นค่ะ จากนี้ต่อไปคือของจริง... welcome to hell TT
ข้างๆเรามีพี่พยาบาลคอยดูอยู่ตลอด
คอยจับมือเราและบอกให้สูดลมหายใจลึกๆช่วงที่เราเพิ่งได้สติ ใจดีมากๆเลย
หลังจากนั้นพี่พยาบาลก็บอกว่าจะย้ายเราขึ้นไปห้องพักผู้ป่วยค่ะ
และช่วยประคองเราที่ตอนนี้มึนหัวมากขึ้นไปห้องพักด้านบน
ตอนเข้าไปในลิฟต์เราหลับตาตลอด ไม่ทันได้มองกระจกเลยค่ะ
หลังจากถึงห้องพักผู้ป่วยเราก็ได้เห็นหน้าตัวเองครั้งแรกหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัด D-Day ท๊าดา! เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเลยค่ะ….
ส่องกระจกแล้วลองเอามือคลำๆคางกับปากดู
ตั้งแต่ช่วงใต้จมูกลงไป ไม่มีความรู้สึกเลยค่ะ เหมือนไม่ใช่หน้าตัวเอง
ก่อนหน้าจะส่องกระจกเราลองเอามือไปจับตรงปาก
แล้วรู้สึกนุ่มๆแต่ไม่รู้ว่าคือส่วนไหนของหน้า (เพราะชาㅠㅠ)
พอส่องกระจกดูถึงรู้ว่า อ่อ ริมฝีปากเราเอง 5555555555
ตอนเข้าห้องผ่าตัดเป็นเวลาประมาณ 10 โมงเช้า
หลังจากเข้าไปนอนพักที่ห้องพักผู้ป่วย
เลยชำเลืองมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มแล้วค่ะ
ไม่รู้เลยว่าเพราะการผ่าตัดใช้เวลานาน หรือเราฟื้นจากยาสลบช้า
แต่เรารู้สึกเหมือนวันนี้ผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว
จนถึงตอนนี้ยังไม่บวมมากเท่าที่เราคิดไว้เลยสบายใจไปนิดนึงค่ะ
ยังไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ หายใจลำบากและคอแห้งมาก
เลยคิดแต่ว่าอยากกินน้ำๆอยู่ตลอด
หลังผ่าตัด Day 2ได้ยินมาว่าช่วงวันที่ 2~3 จะเป็นวันที่บวมมากที่สุด
ในกรณีของเราคือวันที่ 2 บวมหนักมากสุดเลยเช่นกันค่ะ
ในรูปที่ถ่ายประคบน้ำแข็งอยู่เลยไม่เห็นตรงแก้ม
แต่ความจริงคือหน้ากลมเป็นลูกบอล จนแทบไม่เห็นสันจมูกเลยค่ะ
ยังแอบคิดว่านี่ปากเราบวมได้ขนาดนี้เลยหรอ TT
ปากบวมจนงับไม่ได้เลยทำให้มีน้ำลายไหลออกมาเรื่อยๆค่ะ
เราเลยต้องเอาทิชชูมารองซับเอาไว้
หลังจากผ่านไปประมาณ 3 วันค่อยพอดูได้ขึ้นมาหน่อยค่ะ
ช่วงวันสองวันแรกลำบากมากจนคิดว่าเรามาทำทำไมเนี่ยย
น่าจะอยู่แบบตามมีตามเกิดไปก็ดีอยู่แล้ว...
หลังผ่าตัด Day 3ถึงอาการบวมจะลดลงกว่าวันที่ 2 แต่สภาพก็ยัง...555555555
ถ้าเกร็งปากช่วยหน่อยก็จะหุบปากได้ค่ะแบบรูปซ้าย!!
ตั้งแต่ช่วงบ่ายไปอาการบวมลดลง และตอนนี้เอาอุปกรณ์ที่เสียบอยู่ตรงจมูก
เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกออกได้แล้วค่ะ
แค่เอาอันนั้นออกรู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลยค่ะ
วันแรกกับวันที่สองคอบวมมาก วันแรกเลยกินน้ำไม่ค่อยได้เท่าไหร่
ในวันที่สองทั้งวันก็กินแค่นมถั่วเหลืองไปครึ่งกล่อง ไม่รู้ว่าเพราะให้น้ำเกลืออยู่รึเปล่า
เลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ พอเข้าวันที่สามค่อยเริ่มดื่มน้ำได้เยอะขึ้นค่ะ
หลังผ่าตัด Day 4วันที่ 3 กับวันที่ 4 ไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่เลยเอารูปด้านข้างมาให้ดูค่ะ
หน้ายังบวมเป็นลูกบอลจนหากรอบหน้าไม่เจอเหมือนเดิมค่ะ 555555
แต่รู้สึกไหมคะว่าหน้าเราสั้นลง
หลังทำขากรรไกรสิ่งที่ลำบากที่สุดอย่างแรกเลยคือการหายใจค่ะ
อย่างที่สองคือการที่เราต้องนอนในท่านั่งค่ะ ปวดกระดูกก้นกบมากๆ TT
หลังผ่าตัด Day 5ผ่านไปแต่ละวันอาการบวมลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
หลังจากตื่นนอนรู้สึกสบายหน้ามากขึ้นกว่าเมื่อวาน
ตรงบริเวณแก้มที่ประคบเย็นอยู่ก็เริ่มมีความรู้สึก !!!
อาหารที่เราทานที่บ้านจะเป็นพวกนมถั่วเหลือง น้ำผลไม้
โยเกิร์ตผสมบลูเบอร์รี่ปั่นละเอียดและพวกซุปกระดูกวัวค่ะ
หลังผ่าตัด Day 7ในที่สุดก็ครบ 1 สัปดาห์แล้วค่ะ!!!
วันนี้เราเตรียมตัวแต่เช้าเพื่อไปนวดลดบวมที่รพ.
และแวะไปกินชานมกับเพื่อนที่สถานีกังนัมมาค่ะ
ทางรพ.มีการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและมาส์กหน้าลดความระคายเคืองให้
รู้สึกผิวสะอาดขึ้นมากๆเลยค่ะ
อาจเป็นเพราะว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่ พอเจอแสงแดดเราเลยรู้สึกเวียนหัวตลอดเวลา
จนคิดว่าไม่น่าเดินไหวเลยกลับมาบ้าน
พอมาส่องกระจกดู เราตกใจมาก!!!
ระหว่างที่เราอยู่นอกบ้านอาการบวมยุบลงไปเยอะมากเลย >_
ลองถ่ายรูปเปรียบเทียบขนาดใบหน้ากับฝ่ามือเหมือนที่ถ่าย
ตอนวันที่ 3 ดูค่ะ จะเห็นว่าเล็กลงมากๆ 5555
ปกติเราเป็นคนหัวเล็ก ทำให้เห็นช่วงขากรรไกรล่างที่ค่อนข้างใหญ่ได้ชัดเจน
แต่ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้วค่ะ!
วันนี้เราเผาผลาญแคลอรีไปเยอะ ตอนเย็นเลยว่าจะกินอะไรที่มันอยู่ท้องหน่อยค่ะ
แล้วก็ลองรัดหน้าด้วยผ้ารัดหน้าที่ได้รับจากรพ.ดูด้วย!!
มันแน่นมากเลยรู้สึกอัดอัดไปบ้างแต่ต่อไปคงต้องขยันรัดบ่อยๆค่ะ 5555
ที่รพ.กับคลินิกฟันชมว่าเราลดบวมได้ดีมาก เลยอารมณ์ดีทั้งวันเลยค่ะ
แล้วก็ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา เราน้ำหนักลงไป 4 กิโลค่ะทุกคน..........
และคิดว่าคงจะลงอีกเรื่อยๆ....
แล้วก็ปกติเราเป็นคนบวมง่ายมาก
แต่รอบนี้ดูไม่บวมอย่างที่คิดเลยแปลกใจอยู่เหมือนกันค่ะ
แต่เพื่อนๆก็บอกค่ะว่าถ้าหมอเก่งจะไม่ค่อยบวม 5555
คุณหมอจากบาโนบากิ สุดยอดไปเลยค่ะ!
เขียนยาวมากเลย 5555 ไว้มาติดตามกันต่อพาร์ทหน้านะคะ >