ตับมีปัญหา เกิดได้จากหลายปัจจัยมั้งอาจจะมาจากเชื้อไวรัส หรือโรคจากพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิด แต่หลัก ๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดการอักเสบที่ตับ หรือทำให้ตับเสื่อมสภาพลงไป มักเกิดจากพฤติกรรมทำร้ายตับต่าง ๆ นานา และสิ่งที่ทำให้ตับเกิดอาการอักเสบจนเผลอ ๆ อาจจะลุกลามถึงขั้นตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันได้เลยเลย
สาเหตุที่ทำให้ ตับมีปัญหา มีอะไรบ้าง..?• เชื้อไวรัสตับอักเสบ สำหรับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบในร่างกาย ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่จะคอยจ้างทำร้ายตับเรา ทำให้คนที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่ในร่างกายมีโอกาสเกิดตับอักเสบได้มากกว่าคนทั่วไป และนำไปสู่การเป็นตับแข็ง มะเร็งตับ ในอนาคตได้ โดยเข้าไวรัสตับอักเสบแบ่งออกได้เป็นหลายชนิดทั้งชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี ซี ดี และ อี แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน หากไม่ดูแลฟื้นฟูตับให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ ตับเราก็พร้อมถูกจู่มโจมจากไวรัสนี้ได้ทันที
• โรคพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิด ในเด็กที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ Alpha-1 antitrypsin (A1AD) จะส่งผลให้ ตับมีปัญหา ได้ โดยแรกเริ่มอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อสู่ช่วงอายุ 40-50 ปี ผู้ที่เป็น A1AD จะไม่สามารถสร้างโปรตีนขึ้นมาปกป้องตับ ส่งผลให้ตับสามารถถูกทำลายได้
• ดื่มแอลกอฮอล์ ในส่วนของแอลกอฮอล์เมื่อเข้าสู่ร่างกายเราจะถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับกลายเป็นสารพิษที่สามารถทำร้ายเซลล์ตับเราได้ หากหลีกเลี่ยงไม่ดื่มได้ จึงเป็นการดีที่สุด ทว่าหากเลี่ยงได้ยากก็ควรมีการหาอาหารเสริมมาบำรุงเพื่อชะลอความเสื่อมโทรมของสุขภาพตับ จากพฤติกรรมที่ทำร้ายตับโดยตรง
• การรับยาบางชนิด หรือสารเคมี เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ร่างกายคนเมื่อได้รับยาบางชนิดในปริมาณสูงและติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้ ตับมีปัญหา ต้องทำงานหนักมากขึ้น เช่น พวกยาปฏิชีวนะ พาราฯ ยาแก้อักเสบอื่น ๆ โดยหากเกิดการสะสมมาก ๆ เข้า ก็อาจจะเกิดพิษในตับได้ ซึ่งพิษที่ตกค้างในตับจะบ่อนทำลายเนื้อตับ จนเกิดอันตรายต่อตับได้
• ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน โดยมีงานศึกษาวิจัยว่าผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์จะมีความเสี่ยงเป็นโรคตับได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะการเกิด
ไขมันพอกตับ สะสม สามารถนำไปสู่การเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับในอนาคตได้
เมื่อรู้ตัวว่า
ตับมีปัญหา สิ่งสำคัญคือต้องรีบฟื้นฟู บำรุง ดูแลให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพราะอย่างไรการรู้จักป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมดีกว่าไล่ตามรักษาทีหลังซึ่งอาจจะสายเกินไป