ชีวิตคืออะไร
ชีวิต
ชีวิตนั้นเริ่มจากความว่างปล่าวที่ไม่สมดุล สิ่งที่ไม่สมดุลนั้นทำให้เกิดสิ่งที่ไม่สมดุลจากความว่างปล่าวนั้น ส่งผลให้เกิด สสาร พันธะ กฎเกนณ์ และพลังงาน ทั้งหมดก่อรูปสวัสดีร้างตัวเป็นโลกร้อบๆตัวเรา และดัวยพันธะของสสาร พันธะ กฎเกนณ์ และพลังงานนั้น ทั้งเหมดอย่างเหมาะสมทำให้ก่อเกิดสิ่งมีชีวิต “เราอาจพูดได้ว่าเราเป็นพี่น้องกับก้อนหินดินทราย” คำพูดนี้อธิบายได้อย่างดี
โดยสิ่งมีชีวิตนั้นเริ่มตั้นด้วยความเหมาะสม และ ณ จุดนั้นเราเริ่มต้นแข่งขั้นว่า ชีวิตไหนจะเหมาะสมกว่าเยอะกันที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป ผู้แข่งแรงคือผู้มีชีวิตรอด ส่งผลให้เกิด “เป่าหมายของชีวิต”
เป้าหมายของชีวิต
โดยแรกเริ่มนั้น สิ่งมีชีวิต พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะดำรง ดิ่นรน พยายาม ทุกวิถีทางให้ดำงลมีชีวิตต่อไป เพื่อเฟ่นหาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ในสถานภาพที่เป็นอยู่ให้นานที่สุด โดยเราอาจกล่าวได้ว่า “ชีวิตพยายามเป็น อมตะ” อมตะ นั้นคือเป่าหมายอันสูงสุดของการมีชีวิต ผ่านความรุนแรง ผ่านการแข่งขันการต่อสู่ ผ่านการเวลายาวนาน ผ่านการเฟ่นหาอย่างเข่มข้น จนค้นพบ เริ่มจากการหลนหนีไปสู่ความรุนแรง เริ่มจากการถูกรุกรานไปสู่การหลับหนีการป้องกันตัว เริ่มความอ่อนแอ่ไปสู่ความแข่มแข็ง เริ่มจากความไม่รู้ไปสู้ความชานฉลาด จนในที่สุดเราค้นพบว่า “สติปัญญา”คือาวุธที่แข่งแกร่งที่สุด
สติปัญญา
สติ นั้นคือจุดเรื่มต้น ของการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตว่าตนเองนั้นมีชีวิตอยู่ ตือการรับรู้ตัวตน คือการรับรู้ความเป็นไปในเหตุการณ์ คือการอยู่กับปัจจุบัน คือการตื่นรู้ ทั้งหมดส่งผลให้เกิดปัญญา และเพราะปัญญานี้เอง ชีวิตจึงพยายาม ดิ้นรน เพื่อมีชีวิตอยู่และเมื่อค้นพบก็ได้ส่งต่อความรู้นั้นต่อไปให้พวกพ้อง ให้ลูกหลาน โดยผ่านทางการกิน ผ่านทางการหลบหนี ผ่านทางการหาอาหาร ผ่านทางการล่า ผ่านความรู้สึก จนเป็นนิสัย จนฝังลึกไปถึง”สันชาตยาน”
สันชาตยาน
สันชาตยานนั้นคือสิ่งที่ฝังรากลึงลงในสติ ลงลึกในปัญญา เป็นการเอาตัวรอดเพื่อมีชีวิต เราอาจมองว่า สันชาติตายนั้นมาก่อน สติ มาก่อนปญญา แต่ถ้าเรามองว่าสันชาตยานนั้นจะเกิ่ดไม่ได้เลย ถ้าไม่มีสติ ไม่มีปัญญา การสะสมความรู้ก็จะยังไม่เกิดขึ้ข ความกลัวที่จะถูกล่าก็ยังไม่เกิดขึ้น ความรู้และการรับรู้ในความอิ่มหนั่มก็ยังไม่เกิดขึ้น สันชาตยานนั้น คือการสั่งสมประสบการ คือการเฟ่นหาสิ่งที่ดีที่สุด ทำซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเหล้า หลับหนี ต่อสู่ กิน ดื่ม ขยายพันธุ์ ทั้งหมดก็เพื่อ “การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี”เพื่อตอบโจทย์การมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานที่สุด เพื่อตอบโจทย์การเป็นอมตะ
ความเป็นอยู่ที่ดี
ในชีวิตนั้นโดยแรกเริ่มเราไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการกิน การนอน ขยายพันธุ์ อย่างปลอดภัยจากผู้ล่า โดยไม่สนว่าจะต้องล่าใครมันคือปัญจัยที่หลังจากการมีสติรับรู้ การมีปัญญา การมีสันชาตยานนั้นพยายามรวบรวม พยายามแสวงหา
สังคม
สิ่งมีชีวิตคนพบว่าการอยู่ร่วมกัน การชั่วยเหลือกันและกัน แข่งแกร่งขึ้นกว่าเยอะ สามารถล่าผู้แข่งแกร่งกว่า สามาถรหลบหนีได้ดีกว่า สามารถอยู่รอดได้มากกว่า
และด้วยองค์ประกรอบ ชิวิต เป้าหมายของชีวิต สิตปัญญา สันาตยาน ความเป็ฯอยู่ที่ดี และสังคม ทำให้การเฟ่นหาการแข่งขั้นแย่งชิง การหลบหนี ทำให้สิ่งมีชีวิตผู้ที่แข๊งแกร่งกว่าเยอะดำรงอยู่ได้ดีกว่า ผู้อ่อนแอ่ก็จำต้องศูนย์พันธุ์ไป แต่ในหระหว่างกระบวรการเหลานี้เกิดขึ้นนับล้านปี ก็ก่อดเกิดสายพันธุ์เซเปี่ยนขึ้นมา และสายพันธุ์นี้ สวัสดีร้างองค์ประกรอบหนึ่งที่ จะส่งผลให้ สายพันธุ์นี้ ที่แม้จะอ่อนแอ่แต่ขึ้นเป็นผู้ล่าอันสูงสุด นั้นคือ สังคม
หากเราต้องการตอบคำถามของชีวิตที่หมาตถึงมนุษยชาติ โดยหลักพื้นฐาน เราอาจตอบได้ว่าเรานั้นมีชีวิตอยู่เพื่อ ปัจจัย ของความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งทางกาย และทางจิตใจ โดยจะได้สิ่งเหลานี้ผ่านทาง “หน้าที่ในสังคม” ที่ส่งผมถึงความสำคัญต่อสังคมที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางกาย “ความรัก”ที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ ทั้งหมดนี้เราไม่กาจปฏิเศษได้ว่าเราไม่ได้ทำไปเพื่อการมีชีวิตต่อไป
หน้าที่ในสังคม
ในสังคมอันซับซ้อนของมนูษย์นั้นมีหลักพื้นฐานที่เรามองข้ามไปนั้นคือ “ผลประโยชน์” ผู้ที่ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ก็จะได้รับการยกย่องมากกว่า ผู้ที่สำคัญน้อยกว่าก็จะได้รับการยกย่องน้อยกว่า ความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ไม่หนีห่างจากผู้แข็งแกร่งอยู่รอด ผู้อ่อนแอ่ต้องถูกล่า อาจมองว่าโหดร้าย แต่ถ้าเรามองสังคมปัจุบันของเราอย่างถ่องแท้แล้ว ก็ไม่หนีจากหลักการเหลานี้เลย
ความรัก
ในความรักนั้นเป็นมากกว่าความรู้สึกทางกายภาพ คือความรู้สึกทางใจทางจิต เป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายผ่านปัจจัยการการมีชีวิตเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิตได้ ถ้าเรามองมา เรารักเพื่อสืบสายพันธุ์ ก็จะถูกขัดแย่งถึงความรักชองการให้ที่ไม่รับสิ่งใคตอบแทน หากเรานิยามความรักในแบบๆนึง ก็จะมีผู้ที่มีความรักในแบบที่แต่ก๊อกกะล๊อกก๊อกแก๊กต่างและอาจขัดแย้ง แต่ความรักนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน คือความสุขทางใจ