ในปัจจุบันพลัง
งานทางเลือกเข้ามามีบทบาทในตลาดรถยนต์มากขึ้น อย่างที่ทุกคนคงจะรู้จักกันดีกับ
รถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา แต่อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่
รถยนต์ไฮบริด อย่างเดียว ยังมีรถยนต์อีกหลายประเภทที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนทั้ง “ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” (Plug-in Hybrid) รวมถึงรถพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ แล้ว
รถยนต์ไฮบริด กับรถยนต์ไฟฟ้านี้มันแตกต่างกันอย่างไร ตามเรามาดูกันเลย
ความแตกต่างของ
รถยนต์ไฮบริด กับรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฮบริด
เริ่มกันที่
รถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ซึ่งคนไทยรู้จักมากที่สุด เพราะเข้ามามีบทบาทในบ้านเราร่วม ๆ 10 ปี โดยรถไฮบริดรุ่นแรกที่ทำตลาดในเมืองไทย คือ โตโยต้า พริอุส เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ปี 2010 ซึ่งคำว่า “ไฮบริด” แปลว่า “ลูกผสม” ฉะนั้น
รถยนต์ไฮบริด ก็คือ รถที่เป็นลูกผสมระหว่างพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงกับพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง หลักการของรถยนต์ไฮบริด คือ การเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ที่แบตเตอรี่ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถประเภทนี้ และจะทำงานในช่วงที่เครื่องยนต์ใช้ความเร็วในรอบต่ำหรือจอดรถติดไฟแดง รวมถึงช่วงออกตัว ในช่วงความเร็วไม่มาก และจากนั้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นระบบจะตัดการทำงานไปที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานกับเครื่องยนต์ปกติ อย่างไรก็ดีในรถไฮบริดยุคใหม่มีการพัฒนาให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะการช่วยเพิ่มอัตราเร่งในรอบความเร็วสูง ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่า รถประเภทนี้ ในช่วงที่จอดติดไฟแดงหรือขับหาที่จอดรถในที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า เราจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถประเภทนี้ทำงานเลย เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันสเปกเดียวกัน
รถพลังงานไฟฟ้า (EV)
รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือที่เรียกกันว่า EV (Electric Vehicle) ซึ่งแปลตรงตัวว่า “ยานพาหนะไฟฟ้า” นั่นเอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การใช้งานในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันจะยังเป็นช่วงเริ่มต้นก็ตาม โดยหลักการทำงานของรถพลังงานไฟฟ้า (EV) คือการใช้พลังงานไฟฟ้าเข้าไปปั่นมอเมอร์เตอร์แล้วส่งกำลังไปยังล้อรถทั้ง 4 ล้อในการขับเคลื่อนโดยที่ไม่ต้องใช้กลไกการทำงานของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือการลดมลพิษทางอากาศ และคาดว่าจะเป็นที่นิยมและเข้ามาแทนที่รถใช้น้ำมันอย่างเร็วที่สุดในปี 2025 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า
แหละข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญต่อโลกเลยของ
รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าคือสามารถลดมลพิษทางอากาศได้เยอะมาก ซึ่งปริมาณไอเสียที่ลดลงดังกล่าว เปรียบเทียบได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 100 ต้นต่อปีเลยทีเดียวแถมการทำงานของเครื่องยนต์ยังมีเสียงที่เบาไม่รบกวนผู้อื่นอีกด้วย
#รถยนต์ไฮบริด