การป้องกันตัวเองจากเชื้อเอชไอวี การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (AIDS) ที่ย่อมาจากคำว่า Acquired Immuno Deficiency Syndrome หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome มนุษย์เราเริ่มค้นพบโรคเอดส์ประมาณปี ค.ศ.1981 ทั้งนี้การติดเชื้อเอชไอวีสามารถพบได้ในทุกอายุของคนเราและทุกเพศ ทุกชาติพันธุ์ ตั้งแต่ทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อติดเชื้อเอชไอวีจำนวนมาก และยังโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากเชื้อเอชไอวี
วิธีที่ทำให้ไม่ติดเชื้อเอชไอวี มีหลายวิธี ได้แก่ เมื่อต้องการมีเพศสัมพันธ์ กับผู้อื่นที่ไม่ใช่แฟน สามี หรือภรรยาของตัวเอง ต้องใช้ถุงยางอนามัยเสมอโดยใช้ให้เป็นนิสัยอย่างไม่มีข้อยกเว้น
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ยอมใช้ ควรปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์โดยเด็ดขาด รวมทั้งการมีกิจกรรมทางปากและเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักด้วย ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเช่นกัน
หากมีกิจกรรมที่จะต้องใช้ปากกับอวัยวะเพศหญิง หากที่ไม่ใช่แฟนหรือภรรยาควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจมีเชื้อเอชไอวีในน้ำเมือกหรือน้ำหล่อลื่นจากช่องคลอดของผู้หญิงได้ ถ้าหากเข้าปาก อาจมีความเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ แต่ก็ไม่มากเท่าการติดเชื้อเอชไอวีจากน้ำอสุจิของผู้ชาย
หลีกเลี่ยงการจูบปากกับคนที่ไม่รู้จัก หรือไม่ทราบว่าเป็นพาหะนำเชื้อหรือไม่ ถึงแม้ว่าในน้ำลายจะมีโอกาสน้อยมากที่จะมีเชื้อเอชไอวี แต่ก็ไม่ปลอดภัย 100% หากคุณบังเอิญมีแผลภายในช่องปากก็อาจเป็นช่องทางเข้าของเชื้อเอชไอวีได้
งดการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันบุคคลอื่น การติดเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้สารเสพติดที่ไม่ระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงการสักหรือเจาะตามผิวหนังและส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะสถานบริการบางแห่งอาจรักษาความสะอาดของเครื่องมือไม่ดีพอ
บุคลากรทางการแพทย์ ถ้าเกิดอุบัติเหตุเข็มตำต้องรีบแจ้งหน่วยที่ดูแลทางการติดเชื้อ เพื่อรับยาต้านไวรัสฉุกเฉินอย่างทันท่วงที วิธีนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้
ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ ยังอยู่ในระยะของการศึกษาวิจัย ยังไม่มีการผลิตออกมาใช้ในวงกว้าง ในระยะใกล้นี้จึงไม่สามารถใช้วัคซีนในการป้องกันได้
เตือนตนเองไว้เสมอว่า เราไม่สามารถรู้ว่าใครติดเชื้อเอชไอวีจากการดูลักษณะภายนอก คนที่ดูภายนอกสวยงาม หรือหล่อเหลาสะอาดสะอ้านเพียงใด ก็ไม่สามารถไว้ใจได้ว่า เขาหรือเธอจะไม่นำเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาสู่เรา จึงต้องป้องกันไว้ก่อนเสมอ
ก่อนแต่งงาน ควรทำการตรวจเลือดของเราและคู่ครองเสมอ เพื่อจะได้ทราบว่าเราและเขามีเชื้อหรือเป็นพาหะของโรคใดหรือไม่ ทั้ง นี้ไม่เฉพาะแต่เอชไอวี แต่รวมถึง โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบ และโรคธาลัสซีเมีย รวมทั้งทำให้สบายใจในการวางแผนครอบครัวในอนาคตด้วย
https://lovefoundation.or.th/th/การป้องกันตัวเอง/