ก่อนเข้าเกียวกับ GEMS ขอพูดถึงเรื่อง Mechanical Turk ก่อน
Mechanical Turk คือตลาดงานออนไลน์ที่ใช้มนุษย์ทำงานแต่ดูเหมือนทำผ่านระบบอัตโนมัติ ระบบตัวนี้จะใช้ทำงานที่ระบบอัตโนมัติไม่สามารถทำได้ เช่น การทำแบบสำถาม เป็นต้น ตัวอย่างวิธีการทำงานของระบบจะเป็นประมาณว่า:
สมมุติเราต้องเก็บข้อมูลเกียวกับอะไรสักอย่าง แต่เราไม่ต้องการที่จะหาคนมาทำแบบสอบถามเอง เราก็ไปจ้างบริษัท Mechanical Turk ให้ทำให้เรา ทาง บริษัทก็จะนำแบบสอบถามของเราไปโยนเข้าระบบ ทีนี้ในระบบก็จะมีสมาชิคที่เป็นคนทั่วไปนี้แหละ ที่คอยรับงานต่างๆที่บริษัทส่งมาไปทำ เมื่อทำเสร็จ สมาชิคก็ได้จะได้ค่าตอบแทนในการทำงานนั้นไป ถามว่าแล้วข้อมูลที่เราได้มาจะมีความแน่นอนมากแค่ไหน? มันมั่วมาหรือป่าว ตรงนี้ทางระบบก็จะมีวิธีป้องกันคือ หนึ่ง ทุกงานจะมี Verifier หรือผู้ตรวจสอบ ที่จะคอยตรวจสอบงานทุกชิ้นที่ส่งมาว่าผ่านหรือไม่ผ่าน มั่วหรือไม่มั่ว สอง สมาชิคทุกคนจะมีแต้มสะสมที่เป็นตัวแทนเงินจริงของเรา การจะรับงานใดๆมา สมาชิคจะต้องใช้แต้มตรงนี้เป็นตัวประกัน หาก Verifier ให้ผ่าน สมาชิคก็จะได้เงินประกันคืนพร้อมกับค้าทอบแทนเพิ่มอีกด้วย แต่หาก Verifier มองว่าไม่ผ่าน งานมั่ว ก็จะมีบทลงโทษตามมาเช่น ลบเครดิตของสมาชิค ไม่คืนเงินประกัน และถ้าผิดบ่อยๆ อาจจะโดนลบสมาชิคไปเลยก็ได้
พูดถึงเรื่องสมาชิคนิดหนึง สมาชิคหรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า Miner นั้นไม่ใช้ว่าต้องไปสมัคงานกับบริษัทนะ แต่เป็นไครก็ได้ที่มีอินเทอเน็ต มีเวลาว่างวันละ 3-4 ชม. (เดี่ยวๆ เริ่มเหมือนโฆษณาทำงานออนไลน์และ :|) ก็เข้าไปสมัครเป็นสมาชิคและเริ่มทำงานต่างๆได้เลย
บริษัทแรกที่ใช้ Mechanical Turk คือทาง Amazon หรือที่รู้จักในนาม Amazon Mechanical Turk นั้นเอง แต่ปัณหาของ Amazon คือเป็นระบบ Centralized Mechanical Turk หมายความว่า Amazon เป็นคนกลางที่รับงานมาแล้วกระจายให้สมาชิค สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Amazon ดันเก็บค่านายหน้าเยอะมากๆ เช่นเก็บค่า Service Charge คนจ้างอาจจะมากถึง 40% แต่จ่ายให้สมาชิคที่ทำแค่ 1% อะไรแบบนี้ ทำให้สมาชิคได้ค่าจ้างน้อยกว่าที่ควรจะได้ คนจ้างเสียค่าบริการเยอะ คนที่รวยเอาๆก็เลยเป็น Amazon
ที่นี้มาเข้าเรื่องการเลยคือ GEMS
GEMS ถูกสร้างขึ้นจาก 2 พี่น้อง Rory และ Kieran O'Reilly ทั้งสองคนเป็นนักศึกษาจาก Havard ที่ดรอปเรียนออกมาสร้างระบบนี้ขึ้นมา ทั้งคู่ก่อนหน้านี้คือคนสร้างเว็บ gifs.com เว็ปที่เอาไว้สร้างไฟล์กิฟที่เราเห็นโพสกันเต็มเฟสไปหมด และทั้งคู่เคยลงนิตยสาร Forbes อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาระดับเทพอีก 5 คนคือ Biz Stone ผู้ก่อตั้ง Twitter Medium และ Jelly, Joey Krug ผู้ก่อตั้ง Augur, Ben Mourer ผู้ก่อตั้ง noCAPTCHA เคยทำงานกับ Google และ Facebook, Luis Cuende ผู้ก่อตั้ง Aragon และ Stampery, Joe Urgo ผู้ก่อตั้ง district0x และ Sourcerers
ระบบการทำงานของ GEMS เหมือนกับ Amazon แต่ว่าเป็นระบบแบบ Decentralized Mechanical Turk แปลคือ ไม่มีคนกลาง ส่วนประกอบของ GEMS จะแบ่งออกเป็น 3 อย่างก็คือ Protocol, Platform, และ Module
-Protocol ก็คือกฏการใช้งานต่าง เหมือนที่ได้อ่านไปก่อนหน้านี้ การจ่ายค่าสำเร็จงาน กันลงโทษหากผิด ฯลฯ
-Platform ตัวนี้จุดเปลี้ยนเลยคือ ปกติที่ต้องไปจ้าง Amazon เพราะ Amazon ถือครองระบบ แต่ GEMS สร้าง Platform เปิดที่ไครๆก็สามารถเข้าไปสร้างงานได้ เป็นเหมือนบอร์ดเชื่อมต่อผู้จ้างและสมาชิคที่จะทำงานต่างๆ
-Modules ก็คืออีกหน้าต่างใน Platform ที่เป็นงานต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นให้ทางสมาชิคเลือกทำได้
เมื่อตัดคนกลางออกไป สิ่งที่ออกไปตามๆกันคือ Service Charge จาก คนกลางนั้นเอง คนจ้างก็จ่ายค่าจ้างน้อยลง คนทำงานก็ได้เงินเยอะขึ้น Win Win กันหมด
พูดเรื่อง Token หรือเงินตราที่ใช่หน่อย เงินที่ใช้จ่ายตรงนี้เป็น Crypto Currency ตัวอย่างที่รู้จักกันดีอยู่แล้วก็คือเหมือน Bit Coin ของทาง Amazon ก็จ่ายเป็น Amazon Coin ในส่วนของ GEMS นั้นจะเป็นค่าเงินใหม่ที่มีชือว่า GEMS ตรงตัวเลยที่กำลังจะเปิดขายในเร็วๆนี้
ตอนนี้ระบบของ GEMS พัฒนามาจนจะเสร็จแล้ว มีการประกาศว่าในช่วงต้นปี 2018 นี้จะเปิดเป็น public ให้ทุกคนเข้าจับต้องได้แล้ว
สรุปแล้วที่อ่านมาทั้งหมดมีประโยชอะไรบ้าง? จริงๆมองได้ว่ามีหลายอย่างเช่น
-หากเราต้องการทำงานอะไรที่มันซ่ำๆและต้องการคนจำนวนมาก GEMS ก็อาจจะเป็นทางออกหนึง
-หากเรามีเวลาว่าง อยากหาเงิน การไปเป็นสมาชิคก็อาจจะช่วยเราได้
-ไครที่กำลังอยากลงทุนเกียวกับ Cryto Currency, GEMS ก็ดูน่าสนใจเพราะดูจากผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาแต่ละคนก็มองได้ว่าระบบนี้น่าจะประสบความสำเร็จอยู่มาก