เดี๋ยวนี้กระแสเกาหลีกำลังมาแรงงงง.. เข้าเกาะกระแสหน่อยนะครัช 5555 ผมเป็นผู้ชายตาตี่หุ่นน่ากอด(อวบระยะสุดท้าย)
หน้าตาก็ธรรมดาๆ ที่คิดอยากจะดูดี... ลดหุ่นต้องใช้เวลา ทำดั้งก่อนดีกว่า เห็นผลทันใจ 555555 เดี๋ยวลงรูปก่อนทำให้ดูก่อนนะครัช

ดั้งไม่มีเลย จับบิดจับดึงทุกวันก็ไม่ขึ้น เศร้าใจT^T
ด้วยความที่อยากดูดีนี่ล่ะครับ ผมทำ
งานเก็บตังแบบหักโหม (กินก็หักโหมด้วย กำ..)
แล้วก็ดูรีวิวไปเรื่อยเปื่อย ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจกันไป ผมอยากได้ทรงประมาณดาราเกาหลีครับ
เพราะตาตี่เหมือนกันคิดว่าน่าจะเข้ากับหน้าเรา จะได้เป็นโอปป้ากับเขาสักที (ก็ว่าไปนั่น) แต่เอาจริงๆ
แค่ให้โด่งปลอดภัย หน้าเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นก็พอใจแล้ว

แบบที่ผมชอบ ปลายมนๆ สวยๆ ไม่ต้องโด่งมาก
หลักการตัดสินใจของผมคือดูรีวิวคลินิกที่ทำทรงออกมาดูเกาหลีๆ ปลายไม่แหลม ไม่พุ่งมาก
ซึ่งส่วนใหญ่ทุกวันนี้แต่ละคลินิกจะเน้นทำโด่งพุ่งแข่งกันหมด คิดว่าถ้าเอาแท่งนั้นมาอยู่หน้าผมมันไปด้วยกันไม่ได้
เบ้ามันไม่ให้ ตัวเลือกที่เข้าตาเลยมีไม่เยอะครับ แต่ที่สุดแล้วท้ายสุด ก็มาลงเอยกับมาสเตอร์พีซ คลินิก ที่สยามครัช
ที่ผมเลือกคลินิกนี้เพราะผมตามอ่านรีวิวในหน้าเพจ มีทั้งรีวิวด้านบวก ด้านลบ แต่ที่ประทับใจผมคือแอดมินเค้าไม่ลบโพสลูกค้า
เข้าไปคอมเม้นรับผิดชอบ รับฟัง นำไปปรับปรุง และที่สำคัญคือที่ผมไล่อ่านยังไม่เจอเคสจมูกทะลุเลย
(หรือใครเจอ?? บอกตอนนี้ก็ไม่ทันละทำไปล้าวว5555555555) เอาเป็นว่าผมชอบที่มันดูเรียล ดูไม่เฟค
แต่คลินิกนี้ต้องปรึกษากับคุณหมอก่อนถึงจะรู้ว่าทำได้ไม่ได้ (ดีตรงที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย) แต่คิวนี่สิ
รอน๊านนานนนนนนนนนนนนนชิบหาย(จำได้ว่าตอนผมจองคิวต้องรอเป็นเดือน แต่เอาเถอะ เรารอได้ !!)
ตัดมาวันปรึกษาเลยนะครับ ผมแอบเกร็งว่าต้องรอหมอนานเป็นวันแน่ๆ เพราะเห็นคนคอมเมนท์เยอะว่าคลินิกนี้รอนานนะ
กว่าจะได้เจอหมอ คุยก็ได้คุยแปปเดียว กะว่าเออรอนานไม่เป็นไรวะ แต่ถ้าได้คุยกับหมอแค่แปปเดียวตูไม่ทำแน่ๆ
พอถึงเวลาเข้าจริงผิดคาดเลยครับ รอประมาณ ครึ่งชั่วโมง พนักงานก็เรียกชื่อผม ใจเต้นตึกๆ จะได้เจอคุณหมอ คุณหมอจะใจดีมั้ย
จะได้คุยนานมั้ย ในหัวคิดไปต่างๆ นาๆ (คุณหมอชื่อคุณหมอต้น) พอได้เจอหน้าหมอ สาหร่ายิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะไหว้อีก 55555555
หมอต้น : ว่าไงเรา จมูกไม่มีเลยนะ (หมอพูดขำๆแล้วจับจมูกผม)
ผม : ครับหมอ อยากมีดั้งครับ (เกร็งมาก หมอจับจมูก555)
หมอต้น : มีแบบมาให้ดูมั้ย ?
ผม : ไม่มีครับหมอ (ลืมเอามาครับ แค่จะเข้ามาปรึกษาเอาแบบมาด้วยเลยนะคร้าบบ) แต่ผมชอบปลายมนๆ ไม่แหลมครับ ทรงแบบเกาหลี
หมอต้น : (หมอขำแล้วจับหน้าผมมองตรง) หน้าเราได้อยู่นะ ตาตี่ เสริมจะดูหน้าเปลี่ยน พื้นฐานเราหน้าไม่เบี้ยว จมูกไม่เบี้ยว แต่จมูกเราปลายไม่มี ถ้าเสริมซิลิโคนอย่างเดียวจะดูจมูกรั้นเหมือนหมู ต้องใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาช่วยเติมหยดน้ำ แต่ก็โด่งมากไม่ได้นะเพราะเนื้อน้อย อยากโด่งสวยเลยต้องทำรีคอน
ผม : โด่งได้ประมาณไหนหรอครับหมอ
หมอต้น : (หมอหยิบกระจกให้ผมดูแล้วดึงดั้งกับปลายจมูกผม) ประมาณนี้
ผม : แล้วรีคอนจะโด่งประมาณไหนครับ
หมอต้น : รีคอนคือทำจมูกแบบปรังโครงสร้าง เปิดจมูกเข้าไปปรับฐาน ปรับปลายจมูกได้หมด จะรีเควสโด่ง เรียว ปลายมน ปลายแหลม ปลายเชิดก็ทำได้ แต่เสริมซิลิโคนมันมีขีดจำกัด โด่งมากน้อยขึ้นอยู่กับเนื้อของเรา
ผม : อ่อ แล้วถ้าใช้หลังหูมาเสริมกับซิลิโคนจะยิ่งโด่งขึ้นหรอครับ
หมอต้น : กระดูกอ่อนหลังหูจะช่วยทำให้ปลายได้รูป มีหยดน้ำมากขึ้น
ผม : แล้วช่วยกันทะลุด้วยป่าวครับ
หมอต้น : ไม่เกี่ยวกัน ต่อให้จะเอากระดูกหลังหูหรือเนื้อส่วนอื่นมารองปลายจมูก วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จมูกก็บางลงเสี่ยงทะลุได้ อย่างที่หมอบอก กระดูกอ่อนหลังหูช่วยแค่มาเติมปลาย ไม่ได้ช่วยกันทะลุ
ผม : อ้าว (แล้วที่บอกกันว่าเอากระดูกหลังหูมารองปลายกันทะลุนี่โกหกเหรอวะ.. ) แล้วแบบนี้ผมจะเสี่ยงทะลุในอนาคตมั้ยครับ ??
หมอต้น : (หมอขำ) หมอไม่ได้ทำให้ทุกคน คนไหนที่หมอรับทำคือทำได้ อย่างเคสเรา หมอดูแลว่าเนื้อพอจะเสริมได้ขนาดไหน ของเราหมอจะผ่าแบบโอเพ่นให้ เปิดตรงกระดูกกั้นจมูก (หมอจิ้มตรงกระดูกั้นจมูกให้ดู) ผ่าวิธีเดียวกับทำรีคอน แต่ของหมอจะไม่ได้ตก
แต่งกระดูกอะไร ที่หมอเลือกเปิดวิธีนี้มัน กะทรง วางซิลิโคนง่าย ตรงหยดน้ำที่หมอจะใช้กระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมเพิ่มก็ต้องประเมินอีกที (หมอจับๆ ตรงที่กั้นจมูกอีกรอบ) ไม่ต้องกลัวทะลุ หมอเสริมให้แบบพอดี ไม่รั้งเนื้อ ถ้าเราโอเคกับความโด่งที่หมอบอก หมอทำให้
ผม : โอเคครับหมอ งั้นทำครับ (ตอนนั้นผมตอบแทบไม่คิดเลยครับ เพราะหมอตอบตรงมาก)
หมอต้น : โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกัน (สาหร่ายิ้มให้ผมแล้วก็ยื่นสมุดแฟ้มงานให้พนักงานแล้วก็ออกไป ดูเหมือนหมอจะมีเคสต่อจากผมอีก เพราะหมอรีบไปเลย555)
โดยรวมสรุปหมอไม่ได้ดุหรือหยิ่งอย่างที่ผมอ่านในรีวิว แต่เขาเป็นคนพูดตรง ซึ่งมันดีนะคือเราจะได้ไม่ต้องคาดหวังเกินจริง หลังปรึกษาเสร็จก็ลงไปมัดจำนัดวันทำ วันทำถัดไปอาทิตย์เดียวเองครับ มีเวลาเตรียมตัวเป็นอาทิตย์ เพื่อนไซโครผมว่า คุณต้องบวมแบบอังกอร์ อวตารแน่ๆ เพราะคุณทำครั้งแรก จิตตกมากๆ ลางานได้แค่ 3 วัน T^T สำหรับการบริการ มีล่าช้าบ้างเพราะคนเยอะ ผมเข้าใจนะเพราะคลินิกก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่คนนี่เยอะจริง พนักงานเยอะๆ ยังทำกันไม่ทัน (พนักงานสั่งให้ผมงดเที่ยวงดดื่มเลย 1 อาทิตย์ งดวิตามินอาหารเสริมด้วย ประหยับงบเอาเงินมาซื้อหมอนรองคอ ของกินตุนที่ห้องแทน 555)
วันทำ แท่นแท๊น เวลาผ่านไปช้ามาก (ใจมันอยากจะทำซะตั้งแต่วันนั้นแล้ว 5555555) วันมาถึงก็ต้องล้างหน้าล้างจมูกทำความสะอาดก่อนนะคร้าฟฟ ที่คลินิกจะมีพวกน้ำยาไว้ล้างสำหรับฆ่าเชื้อให้เรา พอเสร็จแล้วก็ใส่หมวกชมพูฟรุ้งฟริ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ยูนิฟอร์มพร้อมขึ้นเขียง !!

แอบเซลฟี่ก่อน ตื่นเต้นมากครัชช
บรรยากาศห้องผ่าตัดก็เย็นยะเยือกครับ ตื่นเต้นมาก พอขึ้นเตียงก็จะมีไฟมาฉายที่หน้า ต้องหลับตาครับ (คุณหมอสแตนบายรอแล้ว) ก็จะมีการเช็ดหน้าอีกรอบแล้วก็มีการให้ยาผ่านสายน้ำเกลือก่อน จะรู้สึกเบลอๆ มึนๆ เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นสีสันวูบวาบ (เหมือนอยู่ในโลกเดอะแมททริกซ์เลย ผมนี่เพลิน55555) ซักแปปนึงพอยาออกฤทธิ์คุณหมอก็จะฉีดยาชาบริเวณจมูก ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 4 – 5 จุดครับ ตรงดั้ง ปลายจมูก แล้วก็ปีกจมูก (แอบเจ็บนิดหน่อย 2 จุดแรก น้ำตานี่ปริ่มเลย ได้ยาเบลอช่วยไว้เลยไม่ค่อยเจ็บมาก) แล้วก็ฉีดตรงหูอีกประมาณ 3 จุด (ไม่ค่อยเจ็บครับจมูกเจ็บกว่า) หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วครับ เบลอมาผม้แต่ว่าหมอกำลังทำอะไรกับจมูกซักอย่างแต่ไม่มีความรู้สึก มารู้สึกตัวอีกทีเพราะเริ่มตึงๆ ปลายจมูก ความรู้สึก สติเริ่มกลับมา (หมอกำลังเย็บแผลปิดพอดี)