เรื่องล่าสุดของหมวด
ทำความรู้จัก BELOTERO ฟิลเลอร์แบรนด์ดังจากสวิตเซอร์แลนด์
5 เคล็ดลับแก้ปัญหาเล็บเหลืองให้กลับมาสวยใสสุขภาพดี
ปัดก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง! ถ้าปัดบลัชออนแดงเกินไป มีวิธีแก้ไขอย่างไร
ส่องลุคใหม่ "พี่พร คู่รักต่างวัย" คนดังในโซเชียล ที่โสดแล้วสวยเด็กกว่าเดิม
จำได้ไหม "พุดเดิ้ล" เพื่อนแตงโม ศัลยกรรมอัปหน้าใหม่ สวยลืมลุคเดิมไปเลย
"ลิปสติกหมดอายุ" เอาไปทำอะไรได้บ้าง แต่ละประเภทมีอายุการใช้งานกี่ปี
15 ลุคใส่กางเกงขาสั้นให้ดูดี ไม่เหมือนใส่ชุดอยู่บ้าน!
เสื้อยีนส์โอเวอร์ไซส์ รวมลุคแฟชั่นสไตล์เท่ๆ ใส่ไปทำงาน หรือไปเที่ยวก็เก๋
เกินไปแล้ว! "ต้าเหนิง กัญญาวีร์" กับลุคสวยแบบกินคน ทำกรุงปารีสสะเทือน
ส่องลุคฟาด "จ้าวลู่ซือ" สวมเดรสเรียบ แต่แอบแซ่บ เดินพรมส้มงาน WeTV
มาแล้ว! BIFW 2023 ปรากฏการณ์แฟชั่นวีคยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ณ สยามพารากอน
"เก้า สุภัสสรา" อวดลุคสวยแซ่บที่นิวยอร์ก ในงานเปิดตัวนาฬิกา "LONGINES"
5 เวลาไม่แนะนำให้ออกกำลังกาย
3 เส้นก๋วยเตี๋ยวเสี่ยงอันตราย ไม่ควรทานบ่อย
5 ประโยชน์ที่ได้รับทันทีจากการดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้า
6 เคล็ดลับลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ภายใน 10 วัน เห็นผลง่าย ไม่โยโย่
เปิดมงกุฎ "MTW 2023" โชว์ชุดว่ายน้ำ เรียกแขกเชียร์รอบตัดสิน
5 รูปแบบการออกกำลังกายโดยไม่ใช้อุปกรณ์ที่สาวๆ ห้ามพลาด
หน้า: 1
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
วันนี้เราจะมาขอเล่าประสบการณ์ตัวเอง ที่เป็นผู้หญิงมนุษย์เงินเดือน ที่เมื่อก่อนเคยร่างพังพินาศ เพราะพลีกายให้กับงานมากเกินไป และเป็นคนชอบปาร์ตี้อย่างหนักหน่วง ทุกอย่างมาจากความไม่รู้ตัว T^Tเพราะคง Concept : Work Hard - Play Harder (Eat Hardest) แต่ตอนนี้เข้าสู่สภาพวะปกติแล้ว เพราะมีแม่ประเสริฐมาปรับระบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ให้เรา ทั้งเรื่องการกินอาหาร กินวิตามิน และความเป็นอยู่ แบบที่ถ้าใครได้อ่านแล้ว ต้องรู้สึกอิจฉากันแน่ๆ (แต่ขอบอกว่าฟีลลิ่งตอนนั้นมันทรมานสุด T^T)จะขอเริ่มเล่าอดีตให้ฟังก่อน เพราะพอมองย้อนกลับไป ก็ไม่รู้ว่าตัวเองถึกขนาดนั้นเลยหรอ เราทำร้ายร่างกายตัวเองขนาดนั้นได้ยังไง หืมม!!? คือทุกเช้าเวลาเราจะไปทำงาน ต้องตื่นเช้ามาก เริ่มตื่น ตีห้า อาบน้ำเสร็จตีห้าครึ่ง ออกจากบ้านตอนหกโมง เพื่อที่จะไปถึงที่ทำงานตอน9โมง เพราะว่าที่ทำงานไกลจากบ้านพอสมควร พอถึงที่ทำงานก็ต้องนั่งตอบอีเมล แล้วอีเมลแสนเยอะ! กว่าจะตอบเสร็จก็ปาไปเกือบ 11 โมง แล้วค่ะ หลังจากนี้ก็ได้ฤกษ์ทำงานสักที พอทำงานแปปๆ ก็กินข้าว แล้วมานั่งทำงานต่ออีก บอกเลยว่า เวลางานที่ให้มา 8 ชม. ไม่เคยพอค่ะ และเลิกคิดไปแล้วว่า 6 โมงจะได้กลับบ้าน เพราะเวลาปกติของเรา คือ 3 ทุ่มค่ะและหลายครั้ง ที่เราบ่นกับตัวเอง ว่าอยากให้วันนึงมีสัก 30 ชม. แล้วเมื่อไหร่จะถึงวันศุกร์ ทำไมงานมันเยอะแบบนี้!! คือเราทำงานเป็น AE ไง คือเป็นหน้าที่ ที่แบบทำทุกอย่างสากเบือยันเรือรบ เป็นคนกลางระหว่างคนในออฟฟิศกับลูกค้า ต้องคอยรองรับอารมณ์ของทุกคน ต้องประสานงานกับทุกแผนก ถ้าในบริษัทมี20 แผนกก็ประสานงานไปสิคะ บางทีก็มีประสานงากันบ้าง เพราะอยากให้งานออกมาดี และทุกงานมันมี Timeline ของมันไงว่าต้องส่งวันนี้ๆ จะช้าไม่ได้ แล้วลูกค้าที่เราเจอ น่ายัก(เอ้ยน่ารัก) ทั้งนั้น บางทีเสาร์อาทิตย์ หรือดึกๆ ลูกค้าผู้น่ารัก ก็จะโทรมาของานบ้าง แก้งานบ้าง เราก็ต้องทำ! คือจะไปเที่ยวไหนก็ต้องพกคอมฯติดตัวไปด้วยตลอดดด เผื่อมีงาน Urgent! เราก็คิดว่า เอ๊ะ! นี่เราเป็น “โถส้วม” รึป่าว ต้องคอยรองรับอารมณ์ของทุกคน T^T แล้วเวลาทำงานเราก็ก็นั่งเกร็งไปหมด ตามองคอมไม่ได้พัก และหลายครั้งก็ต้องออกกอง ไปคุมงาน Production คอยดูแลลูกค้า (คล้ายๆกับกองถ่ายละคร แล้วเราเป็นผู้จัดการดารา แถมต้องช่วยงานในกองด้วย) บางครั้งถ่ายกันยันเช้า แล้วเราทำไงละ ก็นอนที่นั้นสิคะ นอนกันหลังคดหลังแข็ง โซฟาไม่มีก็ปูเสื่อนอนเอาค่ะ แล้วที่บริษัทเรางานมันล้นสุดๆ ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามมาสาย ห้ามตาย! (แต่เรานี่จะตายแล้ว) แต่ยังดีที่ได้เพื่อนร่วมงานดี เงินโอเค ไม่งั้นคงออกไปแล้ว! และหลายครั้งที่เราต้องกลับบ้านเที่ยงคืน อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จตีหนึ่ง นอนห้าชั่วโมง ก็ต้องตื่นตีห้าอีก (วงจรอุบาทว์สุดๆ) และหลายครั้งที่เราเบลอๆ แล้วขึ้น BTS ผิดขบวน เดินสะดุดบันไดบ้าง คือเราเคยเสนอหัวหน้าว่าอยากได้คนมาช่วย หัวหน้าก็บอกว่าให้รอก่อนๆ (อยากจะถาม รออะไรคะ!) มาต่อเรื่องของ นอกเหนือเวลางานนะคะ คือเราไปปาร์ตี้ Dance on the floor บ่อยมากกก ศีลขอ 5 ของเราก็พังพินาศมากเว่อค่ะ 555555 เพลียตัวเอง แล้วยิ่งเราเป็นคนปฎิเสธคนไม่ค่อยเป็น ก็เลยตามเลย ใครชวนไปไหนก็ไป แถมทริปต่างจังหวัดก็บ่อยยย เพราะยังคง Concept : Work Hard - Play Harder (Eat Hardest) อะเฮืออออ!! และความพีคแบบพังๆของ Concept นี้ก็เริ่มบังเกิด คือพอทำงานหนัก นอนน้อย ก็จะเริ่มมีอาการ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดบ่า ปวดหัว เมื่อยขา เมื่อยหน้า (2 อย่างหลังนี่เกิดจากการไปปาร์ตี้ล้วนๆ อิอิ) แต่เราก็ไม่ได้เอะใจ เพราะว่ามันก็คงเป็นอาการปวดเมื่อยทั่วไป ที่คนทำงานเค้าชอบเป็นกันแหละมั้ง เราก็แก้ปัญหาด้วยกินยาพารา ยาคลายกล้ามเนื้อ นวดบ้าง ก็หายนะ แต่อาการนี้ก็ยังเป็นอยู่เรื่อยๆ แล้วหลังๆนี่หน้าโทรมโ-ค-ต-ร สิวบุก ทั้งหน้าแล้วก็หลัง ผื่นขึ้นตามตัว ระบบขับถ่ายก็พัง 3 วันทีนึงงี้ ขอบตาก็ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนอายุ 40 เข้าไปทุกที เพราะชอบบ่นปวดนั่นนี่ ร่างกายเริ่มไม่ค่อยมีแรง ทั้งๆตัวเองอายุ 20 กว่าๆเอง แล้วเราก็ชอบเอาเรื่องงานไปเล่าให้แม่ฟังบ่อยๆ บวกกับนางเห็นสารร่างพังๆของเรา จนแม่ถามว่า “ทำงานคุ้มเงินเดือนกันมั้ยเนี่ย” หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เหมือนอาการเราสะสมมากขึ้น ทั้งเครียดผสมกับอาการนอนไม่พอ จนไปทำงานไม่ไหวต้องแอดมิต นอนโรงบาลอยู่ 2 วันพอหลังจากออกจากโรงพยาบาล นางก็เลยเริ่มเข้ามาควบคุมชีวิตเรา เพราะนางบอกว่าทนเห็นเราให้สภาพแบบนี้ไม่ได้ แล้วชีวิตเราก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย (มีแม่ประเสริฐ ขอกราบ 3 ที) เริ่มจากทำอาหารคลีนๆมาให้กินที่ทำงาน หาวิตามินบำรุงร่างกายให้กิน เวลาเลิกงาน นางเห็นว่าทุ่มสองทุ่ม ไม่กลับบ้านสักที นางก็เริ่มโทจิก และก็ facetime มาเลยจ่ะ เอาหมามาอ้อน ให้ดูหน้าหมา (แล้วก็พากย์เสียงเหมือนหมาพูด) อย่าหักโหมมากนะ กลับได้แล้ว มากินข้าวกัน โน่นนี่นั่น มามุขนี้เราก็ใจอ่อน จะรออะไร ก็กลับสิคะ 5555 แล้วเราปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น ไปออกกำลังกายอาทิตย์ละครั้ง (แม่บังคับ)และนี่คือหน้าตาสิ่งที่แม่ ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น สำหรับเราอาหารคลีนเป็นตัวช่วยเรื่องของสุขภาพที่ดีสุดๆ ตอนแรกต้องบอกเลยว่า กว่าจะกินได้นี่ยากมาก เพราะทุกอย่างมันดู healthy ขัดกับความเป็นตัวเองสุดๆ แต่พอหักดิบกินมานานๆเข้า มันก็เริ่มชิน พอกินมาได้ซักพัก มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าร่างกายเฟิร์มขึ้น น้ำหนักลดลงนิดหน่อย แล้วร่างกายก็ดีขึ้น ไม่โทรมเหมือนเมื่อก่อน และก็กินน้ำเยอะขึ้นด้วย (แต่ห้ามกินน้ำเย็นนะ !) จะช่วยดีท็อกซ์ร่างกายให้เราสดชื่นขึ้น ผิวพรรณ หน้าตาก็โอเคขึ้น อันนี้เป็นวิตามินบีที่แม่ให้กิน บอกว่าเภสัชที่ร้านขายยาแนะนำมา ช่วงแรกที่เราเพลียๆ ปวดเมื่อยๆตัวจากการทำงาน นางก็บังคับให้กินทุกเช้า นางบอกว่ามันช่วยให้เรามีแรงขึ้น เพราะบางทีเรานอนเกือบเช้า ตื่นก็เช้า! อ๊ะ.. เชื่อแม่ๆ หลังจากนั้นอาทิตย์นึงอาการเราดีขึ้น ไม่ปวดเมื่อยเหมือนแต่ก่อน ละก็กินมาตลอด เพราะเราว่ามันโอเคกับเรา เจ้าตัวนี้ชื่อว่า “หนมถ้วย” ใครเลี้ยงหมาจะรู้เลยว่า เจ้าตัวน้อยนี่แหละ เป็นกำลังใจที่ดีสุดๆ แค่เห็นหน้าก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ ชีวิตดีขึ้นถึงวันนี้ยังนึกขอบคุณแม่สุดๆ ที่คอยดูแลเรา ไม่งั้นป่านนี้คงเป็นยัยเพิ้งโหมงานต่อไป แถมปาร์ตี้ยับไปจนตายแน่ๆสำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ถือ Concept : Work Hard – Play Harder เหมือนกัน ก็อย่าลืมหันมาดูแลตัวเองกันได้แล้วนะ การ work hard น่ะดี แต่การ Play Harder ด้วยเนี่ย ทำให้ร่างกายพังได้เหมือนเรา ต้องรู้จักบาลานซ์ดูแลตัวเอง มีหยินก็ต้องมีหยาง ไม่งั้นชีวิตจะพังแบบไม่รู้ตัวนะ….
หนมถ้วยน่าร๊ากกกกกกก
จดๆๆ ลองกินตามมั่ง
แจ้งเตือน
ภาพและเนื้อหาต่อไปนี้ ไม่เหมาะสมแก่เด็ก และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี