ธุรกิจรักษาความปลอดภัย แข่งดุ ชิงเค้กหมื่นล้าน!!!
ยุทธพงค์ ทิพย์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจของโปรการ์ด เผยว่า “แนวโน้มในการว่าจ้างบริษัทเพื่อให้บริการรักษาความปลอดภัย มีเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการใช้บริการจากบริษัทรักษาความปลอดภัยนั้น สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และลดเวลาในการบริหารจัดการ และ การจัดหาบุคคลากรในระยะยาวได้ เนื่องจากพนักงานรักษาความปลอดภัยจะต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเวรยาม ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และยังจะต้องรับผิดชอบในเรื่องของสวัสดิการด้านต่างๆอีกด้วย เทียบกับในกรณีที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเอง ทักษะ(Skill) ก็แตกต่างกัน ทำให้สะดวกที่จะใช้บริการจากบริษัทรักษาความปลอดภัยข้างนอก (Outsource) มากกว่าที่จะดำเนินการเอง โดยในปี 2557 คาดว่าธุรกิจในระบบรักษาความปลอดภัยมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่า 30% หรือมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 50,000 ล้านบาท/ต่อปี โปรการ์ดตั้งเป้าการเจริญเติบโต ไม่น้อยกว่า 15 % ต่อปี โดยมีมูลค่าธุรกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี ผ่านแผนบุกตลาดกทม. เต็มตัว ล่าสุดปิดดีลใหญ่ เซ็นสัญญา กับบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด เพื่อให้บริการที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลศาลายา”
“โดยลักษณะธุรกิจให้บริการรักษาความปลอดภัย หรือธุรกิจให้บริการรับจัดหาพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)นอกจากจะให้บริการรักษาความปลอดภัยสถานที่ต่างๆแล้ว ยังให้บริการรักษาความปลอดภัยด้านอื่นๆด้วย ได้ แก่ รักษาความปลอดภัยให้กับบุคคล ให้บริการรถนิรภัยสำหรับขนเงินสด และของมีค่าจัดระบบรักษาความปลอดภัยในสถานที่โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ปัจจุบันแบ่งลูกค้าเป็นสองกลุ่มหลัก คือ ลูกค้าภาครัฐ หน่วยงานทางราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงในจุดที่มี ความสำคัญ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า/รถไฟใต้ดิน เส้นทางคมนาคม สถานีรถบริการขนส่งสาธารณะต่างๆ ลูกค้าภาคเอกชน ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ โรงแรม สถานทูตต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์ หมู่บ้านจัดสรร ร้านขายทอง ร้านขายอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะมีการจ้างรปภ. และมีการติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยรวมอยู่ด้วย จากความต้องการที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นนี้เอง ทำให้ปัจจุบันในตลาดมีการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มบริษัทต่างชาติ และบริษัทคนไทย โดยอัตราบริการ อยู่ระหว่าง 18,000 – 25,000 บาทต่อคนต่อเดือน มากน้อยขึ้นอยู่กับความยากง่ายและจำนวนทรัพย์สินด้วย”
ด้านจุดแข็งของโปรการ์ด ผู้บริหารเผยว่าอยู่ที่พนักงาน “เชื่อว่าบุคลากรคือเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด แน่นอนว่าเราตั้งใจให้บริการลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่จะตอบสนองความพึงพอใจให้ลูกค้ามากที่สุด และถึงแม้เราจะมีระบบการบริหารจัดการที่ดีเพียงใด มีระบบเทคโนโลยีทันสมัยมากเท่าไร ก็ไม่อาจละเลย
ความสำคัญในเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์ไปได้ ที่ผ่านมาโปรการ์ดให้ความสำคัญกับการฝึกอบรม การฝึกคนให้มีจิตอาสาและให้บริการด้วย Service mind สามารถปฏิบัติงานได้มากกว่าที่ผู้ว่าจ้างคาดหวัง และพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำการศึกษาวิธีการปฏิบัติงานของผู้ว่าจ้าง เพื่อนำไปสู่ Partial of Dual Success อย่างแท้จริง”