....ทุกวันนี้ชีวิตประจำวันของดิฉันคือตื่นมาเปิดประตูบ้านปล่อยสุนัขตัวโปรดออกไปเดินที่สนาม แล้วตั้งน้ำร้อนชงกาแฟเปิดเน็ตไล่อ่านข่าวไปเรื่อยๆตามเว็บข่าวต่างๆเพื่อให้ทันโลกทันเหตุการณ์ ตามแต่จะเลือกว่าอยากจะทันกับโลกแบบไหนเหตุการณ์อะไร
....วันนี้เจอหัวข้อข่าว "ระทึกขวัญผู้โดยสาร เครื่องบินญี่ปุ่นถูกฟ้าผ่ากลางเวหา" สนใจจนต้องเปิดอ่าน ข่าวจากโกลบอลไทม์ บอกว่า
...."เครื่องบินโดยสารของสายการบินต้นทุนต่ำแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ถูกฟ้าผ่าเหนือจังหวัดฟูกุโอกะเมื่อวันปีใหม่อังคารที่ 1 มกราคม 2556 แต่เคราะห์ดีที่ลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดปลอดภัย สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานในวันพุธที่ 2
....รายละเอียดว่า....เที่ยวบิน 127 ของสายการบินเจ็ตสตาร์แห่งญี่ปุ่น จากท่าอากาศยานนาริตะของกรุงโตเกียว สู่ปลายทางฟูกุโอกะ ถูกฟ้าผ่า ณ เวลาประมาณ 13.00 น.ไม่นานก่อนลงจอด ณ สนามบินฟูกุโอกะ
....รายงานข่าวระบุว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้ว เครื่องบินลำดังกล่าวสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย โดยผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 181 คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
....อย่างไรก็ตามด้วยที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเครื่องบินหรืออาจถึงขั้นต้องซ่อมแซม สายการบินแห่งนี้จึงจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบิน 3 เที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศคันไซ ทางตะวันตกของญี่ปุ่นไปด้วย"
....ดิฉันน่ะมีประสบการณ์ตรงกับการนั่งเครื่องบินที่โดนฟ้าผ่ามาแล้วนะคะ!....ก็ครั้งนี้ครั้งแรกแหละค่ะ เมื่อเร็วๆนี่เองตอนบินกลับจากมอสโคมากรุงเทพฯครั้งล่าสุดเมือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา....ดิฉันกลับมากับลูกชายสองคน เรานั่งกันด้านขวาส่วนหัวของเครื่องบิน
....อากาศที่มอสโค ณ เวลานั้นค่อนข้างปั่นป่วนทั้งลมทั้งฝนและฟ้าคำรามเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อกัปตันการบินไทยคนเก่งในการนำเครื่องขึ้นสู่ท้องฟ้า ระหว่างที่เครื่องขึ้นมาได้สักระยะ ผู้โดยสารน่าจะปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยได้แล้ว แต่กัปตันก็ยังไม่ปล่อยสัญญาณ ดูจากสภาพอากาศตอนขึ้นมาจากมอสโคก็ดูท่าว่าน่าจะยาว
....นั่งเพลินๆ จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงลั่นสนั่นที่ส่วนหัวของเครื่องบิน เครื่องบินดูเหมือนเซนิ๊ดนึงเหมือนโดนลมกระแทกน่ะค่ะ(ต้องขอบอกว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัวนะคะ) ดิฉันก็ตกใจค่ะ ตกใจตรงเสียงที่ดังลั่นเปรี้ยงนั่นแหละค่ะและเสียงดูเหมือนใกล้ตัวเหลือเกิน จุดที่เกิดเสียงถ้าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางก็ประมาณว่าห่างจากตัวดิฉันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสัก 3 เมตร เท่านั้นเองค่ะ
....ดิฉันหันไปมองหน้าลูกแล้วกระซิบกระซาบกันว่าสงสัยเครื่องโดนฟ้าผ่าแน่ๆเลย ลอบมองดูอาการผู้โดยสารอื่นๆ ต่างคนต่างนั่งเฉยไม่เห็นแสดงปฎิกิริยาอะไร ดิฉันเข้าใจว่าในใจคงคิดกันไปต่างๆนานา
....นานพอสมควรกว่าที่สัญญาณปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยจะมา แอร์และสจ๊วตเริ่มลุกมาทำหน้าที่ของตัว เครื่องดื่มและอาหารทยอยมา ผู้โดยสารทั้งหลายก็เริ่มมีความสุขกับมื้อค่ำอร่อยๆบนเครื่อง
....จนถึงเวลาของหวานและกาแฟ ผู้โดยสารเริ่มผ่อนคลาย เสียงตามสายสไตล์กัปตันก็เริ่มดัง พูดทักทายโน่นนี่สักพัก แล้วบอกว่า "เมื่อสักครู่เครื่องของเราโดนฟ้าผ่านะครับ แต่ไม่เป็นไรเพราะเรามีอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าติดตั้งอยู่"....นั่นไงล่ะว่าแล้ว!
....วันนี้พอได้อ่านเรื่องเครืองบินญี่ปุ่นโดนฟ้าผ่า ก็เลยมาเขียนให้อ่านค่ะ พอมาเขียนก็เลยต้องไปค้นข้อมูลดูว่าทำไมฟ้าผ่าเครื่องบินแล้วไม่เป็นอะไร เจอมาข้อมูลนึงที่อธิบายให้เรื่องยากดูเป็นเรื่องง่ายพอให้คนทั่วๆไปเข้าใจได้
....ข้อมูลว่ามาดังนี้นะคะ...."เครื่องบินโดนฟ้าผ่าแต่ไม่ทำให้โครงสร้างเสียหายได้เนื่องจากมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Static Discharge Wicks/Rods ซึ่งเปรียบเทียบได้กับแท่งโลหะสายดินที่ช่วยถ่ายเทประจุฟ้าผ่าจากโครงสร้างเครื่องบินไปสู่อากาศอยางรวดเร็วทำให้พลังงานทำลาย(ความร้อน,แรงบิด,เสียง)ของฟ้าผ่าเกิดขึ้นไม่มากพอที่จะทำให้โครงสร้างเครื่องบินเสียหาย เครื่องบินที่บินในปัจจุบันนี้ต่างก็มีระบบป้องกันเป็นอย่างดี จึงทำให้ฟ้าผ่าเครื่องบินไม่น่ากลัวอย่างที่คิด"....ขอขอบคุณข้อมูลจาก pantip.com, http://www.flight-review.com/izone/?topic=432.0 ....สวัสดีค่ะ
ที่มา คุณmarket http://www.oknation.net/blog/marlin/2013/01/03/entry-1#.UOV3Z9FEWxg.twitter