เอามาจากเว็บ มาฝากกันช่วยกันแชร์ความคิดเห็นเป็นความรู้เวลาเลือกซื้อเครื่องสำอางค์ค่ะ
จากประสบการณ์การซื้อเครื่องสำอางที่ผ่านมาเจอทั้งเครื่องสำอางของแท้ของปลอม เลยรวบรวมประสบการณ์มาฝากกัน (ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นเว็บไซต์ใดเว็บหนึ่ง) เป็นเทคนิคในการเลือกซื้อเครื่องสำอางทั้งที่วางขายหน้าร้านและขายผ่านเว็บไซต์
ข้อควรปฏิบัติเบื้องต้น
ขอแนะนำว่า ถ้ามีเวลา ควรเดินห้างบ้างไรบ้าง ไม่ใช่ให้ไปเดินตากแอร์เฉยๆ นะ ไปแล้วเดินดูเครื่องสำอางตามเคาท์เตอร์และช็อปต่างๆ แล้วสังเกตว่ายี่ห้องที่เราสนใจมีลักษณะแพ็กเกจอย่างไร 1 ดูสี สีอะไร เขียวนี่เขียวแบบไหน 2 สินค้า เค้าผลิตสินค้าอะไรบ้างขายแป้ง บรัชออน ผลิตอายไลน์เนอร์ด้วยมั้ย 3 ฉลากดูตัวหนังสือที่เป็นหมึกอิงค์เจ็ทที่บอก Lot ที่ผลิต หรือ Exp.Date วันหมดอายุ ว่าใช้ภาษาอะไร
คราวนี้เราก็มาดูกันว่าพอถึงเวลาเลือกซื้อเครื่องสำอางแล้วเราควรดูอะไรบ้าง
ซื้อจากร้านค้า
การซื้อผ่านหน้าร้านค้านอกห้างนี่ดีอยู่ คือ เห็นสินค้า เห็นคนขาย ราคาถูกกว่าห้าง แต่เราก็ต้องดูด้วยนะว่า
1. ชนิด ผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อของแท้เค้ามีผลิตออกมามั้ย ถ้าจากการสำรวจมาของแท้เค้าไม่เคยผลิตผลิตภัณฑ์แบบนี้ล่ะก็อย่าไปซื้อค่ะ อย่าคิดว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรายังไม่รู้จักอยากลองใช้ ขอเตือนว่าอย่าเลย เอาที่ชัวร์ๆ ดีกว่า
2. กลิ่น เครื่องสำอางของแท้มักจะมีกลิ่นหอมชัดเจน ขอเน้นว่าหอมชัดเจน ถ้าอยู่ในกล่องจะได้กลิ่นหอมจางๆ ออกมาเลย ไม่ใช่ต้องดมแล้วจินตนาการว่ามันหอมเหมือนอย่างที่คนขายเค้าโฆษณา
3. การเกาะติดผิว ลองใช้เลยว่าเครื่องสำอางนั้นๆ มันเกาะติดผิวมั้ย โดยเฉพาะพวกแป้ง บรัชออน อายแชโดว์ ถ้าทาแล้วติดง่ายก็โอเค แต่ถึงขนาดต้องทาถู ทาถูหลายๆ หน แถมต้องกดขยี้ๆ นี่รีบวางทันใดเลย เพราะแค่ลองมันยังไม่ค่อยติดขืนซื้อไปใช้จริงถูเข้าไปหลายรอบเปลือกตากะหนังหน้าเราชีช้ำดำให้เห็นแน่ๆ
4. ฉลาก ดูหมึกที่พิมพ์ฉลากตัวอักษรว่าเบลอมั้ย จางมั้ย ของก๊อบมันก็ก็อบสมชื่อ ตัวอักษรที่ฉลากจะไม่ชัดเจนเหมือนของจริง และดูหมึกอิงค์เจ็ทที่บอก Lot ที่ผลิตหรือ Exp.Date เครื่องสำอางที่ผลิตจากประเทศเกาหลีหรือญี่ปุ่น บางยี่ห้อจะพิมพ์ตัวหนังสือ(พยัญชนะ) เป็นภาษาของเค้า (ถึงให้ลองสังเกตของแท้ก่อนไง) ซึ่งของปลอมที่เคยพบบ่อยส่วนที่เป็นหมึกอิงค์เจ็ทจะเป็นมั่วนิ่มภาษาอังกฤษหรือไม่พิมพ์เลย อ๋อ! หมึกพิมพ์ที่พิมพ์บนฉลากกับหมึกอิงค์เจ็ทมันต่างกันนะจ๊ะ
5. ตั้งสติให้ดี อย่าหลงคารมคนขาย สินค้าถ้าราคาสูงก็อย่าเชื่อทันทีว่าเป็นของแท้ เคยเจอก๊อบเกรดเอซื้อไปแล้วเสียดายตัง แพงก็แพง ให้ดู ข้อ 1-4 เข้าไว้ หรือบางทีราคาถูก (ซึ่งเป็นข้อดีของสินค้านอกห้างไม่ต้องเสียค่าพื้นที่แพงมากมาย) แต่ไม่ใช่ถูกซะจนเวอร์ บางที่คนขายเค้าบอกว่าถูกเพราะแอบเอาออกมาจากห้าง ขอร้อง! อย่าซื้อ เพราะเราไม่ได้ของปลอมก็จะได้ของโจรชัวร์
ซื้อผ่านเว็บไซต์
การซื้อของผ่านเว็บไซต์นี่เหมือนปัญหาโลกแตก เพราะมันไม่เห็นร้าน ไม่เห็นคนขาย ไม่เห็นของ แต่มันดีตรงที่สะดวกซื้อได้ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทาง แถมราคาจะถูกเพราะไม่เสียค่าเช่าพื้นที่ร้านค้า ฉะนั้นเรามาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง
1. เว็บไซต์ เมื่อซื้อของผ่านเว็บไซต์เราก็ต้องดูเว็บไซต์กันก่อนเลย
1.1. ที่อยู่ มีที่อยู่ระบุชัดเจนในเว็บ ถึงไม่มีหน้าร้านให้เห็นก็ต้องเห็นที่อยู่เค้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่ให้ติดต่อทุกอย่างผ่านเว็บอย่างเดียว ถ้าเป็นร้านค้าที่เป็นสมาชิกของเว็บขายของที่มีชื่อเสียงก็จะดีกว่า เพราะเค้าจะต้องลงทะเบียนและมีการตรวจสอบคนที่สมัครเปิดร้านขายของกับเค้า
1.2. การโดนร้องเรียน ลองเช็คดูว่ามีการร้องเรียนเว็บนี้ในเว็บบอร์ดเว็บไซต์อื่นๆ หรือไม่ ไม่ก็ถามพี่กู(เกิ้ล)เลย
2. สินค้า เมื่อดูความน่าเชื่อถือร้านค้าแล้วเราก็มาดูสินค้ากัน
2.1. ดูสินค้าทั้งหมดของร้านคร่าวๆ ว่าขายอะไรบ้าง มีกี่ยี่ห้อมีสินค้าทั้งหมดกี่ชิ้น ส่วนใหญ่ร้านค้าที่ขายของมีชื่อเสียงหน่อยเค้าจะรักษาคุณภาพและชื่อเสียงร้านเค้า มักจะไม่เอายี่ห้อแปลกๆ มาลงขายรวม และมักไม่มีสินค้าเป็นร้อยเป็นพันรายการ เพราะมันจะหมดอายุก่อน เคยเจอร้านที่มีสินค้าเป็นพันรายการเลยพอสั่งซื้อยี่ห้อนี้แบบนี้นะปรากฏว่าของที่ได้มามันไม่ใช่อ่ะ เป็นอีกยี่ห้อนึง โทรไปถามเค้าบอกว่าของไม่มีเลยเอายี่ห้ออื่นมาให้แทน แป่ว!!! ฉะนั้น ดูรูปสินค้าหน้าเว็บด้วยว่าถ่ายรูปขึ้นเว็บเองเปล่าถ้าถ่ายขึ้นเว็บเองอย่างน้อยเค้าก็มีสินค้าจริง ไม่ใช่เอารูปจากเว็บอื่นมาลงพอคนสั่งก็ไปซื้อของมาส่งให้ได้ไม่ได้ไม่รู้ ซึ่งบางร้านมักจะแจ้งว่าเช็คของก่อน 1 วัน วันรุ่งขึ้นถึงจะส่งสินค้าได้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้สินค้าที่ต้องการเท่านั้นบางทียังไม่มีสินค้าให้เราอีกด้วย แล้วก็ไม่บอกเราปล่อยให้รอเป็นอาทิตย์ เสียเวลา เสียอารมณ์ ฉะนั้นเลือกได้ควรเลือกร้านที่สามารถจัดส่งสินค้าให้เราได้ภายในวันเดียวและสามารถติดตามสถานการณ์ส่งทางไปรษณีย์ได้
2.2. ราคาสินค้า ไม่ถูกจนเวอร์ สินค้าที่ราคาถูกจนเวอร์จากราคาขายจริงตัดทิ้งไปเลยอย่าเสียดายเห็นแก่ของถูกจะได้ของก๊อบมาใช้ไม่รู้ตัว ส่วนสินค้าที่ราคาใกล้เคียงกับของจริงก็พิจารณาข้อถัดไป
2.3. การตอบคำถาม ถ้าสงสัยก็ถามไปเลยว่าของแท้รึของปลอม แต่คนขายของปลอมก็มักไม่บอกว่าสินค้าตัวเองปลอม จะตอบอ้อมๆ เลี่ยงการตอบ หรือบางทีก็ทำเป็นโมโหใส่เราซะงั้น บางทีก็อ้างว่าโรงงานเค้ามาตั้งผลิตในไทยเลยถูก อันนี้ก็ตัดทิ้งไปเหมือนกัน
2.4. คืนสินค้า ดูเงื่อนไขการคืนสินค้าด้วย ร้านที่ขายสินค้าปลอมบางร้านจะไม่ให้ลูกค้าเปลี่ยนหรือคืนสินค้าไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่งั้นก็ขายไม่ได้ลูกค้าคืนสินค้าหมด)
สรุปโดยคร่าวๆ ก็ประมาณนี้แล
ใครมีข้อคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์กับเราได้ที่
www.kapookaomsin.com
ผู้เขียน : เหม่ยเอ๋อ