6.) การได้รับวัคซีนต้านไวรัส ไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น ยังคงอยู่ในประเด็นเรื่องเพศของวัยรุ่น
งานวิจัยล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค. 2011 เปิดเผยว่าการที่วัยรุ่นรับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ไม่ได้ทำให้พวกเขาอยากสำส่อนทางเพศเพิ่มขึ้น ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้จะได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันของสหรัฐฯ (American Journal of Preventative Medicine) โดยศูนย์สถิติและควบคุมโรครายงานว่าวัยรุ่นผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนป้องกัน HPV ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวัยรุ่นหญิงที่ไม่ได้รับวัคซีน
ผู้วิจัยรานงานว่า วัยรุ่นหญิงที่ได้รับวัคซีน HPV จะใช้ถุงยางตอนมีเพศสัมพันธ์มากกว่าวัยรุ่นหญิงที่ไม่ได้รับวัคซีน น่าจะเป็นเพราะพวกเธอได้รับความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการรับวัคซีน HPV ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องอายเลย
7.) นักศึกษาชอบคุยโวเรื่องเพศมากกว่าทำจริง ในเดือน ก.ย. นักวิจัยได้เปิดโปงเรื่องที่อาจทำให้นักศึกษาจอมคุยต้องทำตัวลีบลงไปบ้าง แม้นักศึกษาจะเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวัยเรียน รวมถึงการนอกใจเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีหลายรายที่เป็นการเล่าขวัญชาวหอพัก มากกว่าจะทำจริง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเนบราสก้า-ลินคอน ได้สอบถามนักศึกษาว่าเพื่อนของพวกเขามีเพศสัมพันธ์กับนักศึกษาคนอื่นมากน้อยขนาดไหน แล้วก็พบว่าสิ่งที่รับรู้มาไม่ค่อยตรงกับความจริงเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น มีนักศึกษาร้อยละ 90 คิดว่า การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างน้อย 2 คนเป็น "เรื่องปกติ" สำหรับวัยนักศึกษา แต่ในความจริงแล้วมีเพียงร้อยละ 37 เท่านั้นที่มีเพศสัมพันธ์กับจำนวนคนที่ว่ามา การคุยโวเรื่องบนเตียงไม่เคยจะเก่าเลยจริงๆ
8.) ปลาหมึกน้ำลึกปล่อยสเปิร์มแล้วชิ่ง แม้ว่าสัตว์จะไม่เรื่องมากในเรื่องเพศเท่ามนุษย์ พวกมันไม่ค่อยเรียกร้องหาความเป็นส่วนตัวเท่าใดนัก แต่เจ้าปลาหมึกน้ำลึกอย่าง Octopoteuthis deletron มีเซ็กส์ที่หวือหวากว่านั้น พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกอันมืดมิดแถบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย น้อยครั้งที่พวกมันจะได้เจอปลาหมึกตัวอื่นที่อยู่ในสปีชีส์เดียวกัน นักวิจัยรายงานในวารสาร Biology Letters ว่าเมื่อปลาหมึกพวกนี้พบเจอพวกเดียวกัน มันไม่ใช้เวลาดูด้วยซ้ำว่าตัวที่มันเจอเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แต่พวกมันจะฉีดกลุ่มสเปิร์มไปที่ตัวที่เพิ่งจะเจอกันทันที จากนั้นก็ชิ่งหนีไป ฟังดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับตัวที่ถูกยิงสเปิร์มใส่ แต่เป็นเรื่องดีสำหรับนักวิจัยในการติดตามการพยายามสืมพันธุ์ของพวกมัน โดยกลุ่มสเปิร์มก็จะยังคงติดตัวปลาหมึกตัวเป้าหมายขณะที่พวกมันว่ายน้ำต่อไป
9.) แบททีเรียชวนแหวะบนโต๊ะกาแฟ พักเรื่องเซ็กส์ๆ ไว้ชั่วคราว เพราะมีอีกงานวิจัยชิ้นหนึ่งของปี 2011 ที่เป็นข่าวร้ายเอามากๆ สำหรับโต๊ะกาแฟของหนุ่มโสด เนื่องจากนักวิจัยด้านจุลชีววิทยาบอกว่า ห้องพักของชายหนุ่มโสดจะมีแบททีเรียมากกว่าห้องพักของสาวโสด 15 เท่า และแบททีเรียบางชนิดที่พบก็เป็นแบททีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในอุจจาระ
ความจริงอีกข้อหนึ่งคือ มีการตรวจพบโคลิฟอร์มแบททีเรียในอุจจาระดังกล่าวบนโต๊ะกาแฟของกนุ่มโสดในอัตรา 7 ต่อ 10 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีแบททีเรียที่ว่าคือการที่ผู้ชายมักเอาเท้าพาดกับโต๊ะในขณะที่ยังใส่รองเท้าอยู่
แต่หญิงโสดก็อย่าได้ใจไป มีการตรวจพบโคลิฟอร์มแบททีเรียในที่พักของพวกเธอด้วยเช่นกัน เพียงแค่มีความหนาแน่นน้อยกว่าที่พักของชายโสดเท่านั้นเอง จุดสำคัญอื่นๆ ที่พบโคลิฟอร์มแบททีเรียพวกนี้ได้แก่ ร๊โมทโทรทัศน์, โต๊ะข้างเตียงนอน และลูกบิดประตู
10.) การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์และมะเร็งองคชาติ แม้จะเป็นอันดับสุดท้าย แต่ก็ชวนให้หวาดเสียว (หรือหวาดผวา) ไม่แพ้อันดับอื่น เมื่อนักวิจัยได้เผยแพร่ผลงานในวารสารเวชศาสตร์ทางเพศ (Sexual Medicine) ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาเปิดเผยว่าการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์มีส่วนเกี่ยวโยงกับโรคมะเร็งองคชาติ
นักวิจัยค้นพบความเกี่ยวข้องนี้จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างชาย 492 คนในแถบชนบทของบราซิล พวกเขาพบว่ามีถึงร้อยละ 35 ของกลุ่มตัวอย่างที่บอกว่าตนมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ครั้งหนึ่งในชีวิต และนักวิจัยก็พบว่าคนที่ป่วยเป็นมะเร็งองคชาติมักจะเป็นคนเดียวกับที่มีเพศสัมพันธุ์กับสัตว์ พวกเขาตั้งสมมุติฐานว่าการบาดเจ็บขององคชาติและสารคัดหลั่งในสัตว์สปีชี่ส์อื่นอาจเป็นตัวทำให้เกิดเชื้อโรคที่เป็นเหตุของมะเร็ง เช่นเดียวกับ papillomo ไวรัสของคน
ที่มา เว็ปประชาไท