.....ชายคนหนึ่ง.....เพิ่งจะมาพูดได้ ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น.....เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคนนั้น.....เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น.....เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะ แห่งซูริค
ชายคนนั้น.....เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า".....
ไม่ชอบสังคม และ ล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา.....
ในเวลาต่อมา...............................................
ชายคนนั้น.....นำเสนอ "ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ"
ชายคนนั้น.....นำเสนอ "ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป"
ชายคนนั้น.....ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู
( Albert Einstein 14 มีนาคม 2422 - 18 เมษายน 2498)
A human being is a part of a whole,
called by us -universe-,
a part limited in time and space.
He experiences himself,
his thoughts and feelings as something separated from the rest…..
a kind of optical delusion of his consciousness.
This delusion is a kind of prison of us,
restricting us to our personal desires and to affection for a few things nearest to us.
Our tasks must be to free ourselves from this prison
by widening our circle of compassion to embrace all living creatures and the whole of nature in its beauty.
มนุษย์คนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่เราเรียกว่า "เอกภพ"
เป็นส่วนเสี้ยวที่ถูกจำกัดด้วยอวกาศและเวลา.....
เขาได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเขาเอง
เป็นความคิดและความรู้สึกที่กันออกจากส่วน "ที่เหลือ"
นั่นก็คือ "มายาคติ" เชิงการเห็นชนิดหนึ่งจากความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง มายาคตินี้เป็นคุกชนิดหนึ่ง
จำกัดเราให้อยู่แต่ความปรารถนา
ความรักใคร่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวจำนวนน้อย
ภาระของเราคือการปลดปล่อยตัวเราเองจากคุกชนิดนี้
โดยขยายขอบฟ้าของ "เมตตาจิต" ให้ครอบคลุมทุกสรรพชีวิต
และ ธรรมชาติทั้งหมดในความงามของมัน.....
( " Albert Einstein " )