ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง อาการแพ้ท้องจะมีมากใน 3 เดือนแรก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างการอาจอยากรับประทางอาหารแปลกๆ รสเปรี้ยวซึ่งสามารถรับประทานได้
อาการปวดหลังพบได้บ่อยเกือบครึ่งหนึ่งของสตรีมีครรภ์ โดยมักปวดที่หลังส่วนล่าง ระหว่างก้นทั้งสองข้างร้าวลงไปที่ต้นขา มักเป็นช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ การยืนนานๆ ในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือยกของหนักเกินไปทำให้ปวดหลังได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ ทำให้ข้อกระดูก และเอ็นต่างๆ คลายตัวหลวมมากขึ้น ความแข็งแรงของข้อลดลง จึงทำให้ปวดหลังได้ ควรพยายามนอนพื้นเรียบใช้หมอนหนุนหลังเวลานั่ง อย่าก้มหยิบของ ควรใช้วิธีนั่งหยิบแทน และควรใส่ร้องเท้าส้นเตี้ย
อาหาร
คุณแม่จะรับประทานอาหารได้ดีขึ้น เมื่ออาการแพ้ท้องหายไป ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นม ผัก ผลไม้ ไม่ควรรับประทานอาหารพวกข้าว แป้ง น้ำตาล ขนมหวาน ไขมันมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารดิบๆสุกๆ ของหมักดอง ผงชูรส ชา กาแฟ เหล้า และบุหรี่
การพักผ่อน
1.กลางคืนควรนอนหลับให้เต็มอิ่มประมาณ 8-10 ชั่วโมง และควรหาเวลานอนพักในตอนบ่ายอีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
2.การลดจำนวนการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ให้เหลือน้อยที่สุด
3.ควรงดดื่มน้ำ หรืออาหารเหลวหรือรับประทานอิ่มจนเกินไปก่อนที่จะเข้านอนสองสมชั่วโมง
4.หลีกเหลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมก่อนเข้านอน แต่ให้ทำอะไรที่เบาๆ และผ่อนคลายแทน และหากเป็นตะคริวที่ขา ปลุกให้ตื่นนอนในตอนกลางคืนการกดเท้าแรงๆ ลงกับผนังห้อง หรือลุกขึ้นยืน อาจช่วยได้
5.ถ้ายังนอนไม่หลับ ให้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เพลิดเพลิน แล้วในที่สุดก็จะเหนื่อยและนอนหลับได้เอง
หญิงตั้งครรภ์มักมีปัญหาฟันผุ และเหงือกอักเสบได้ง่าย ในบางท่านอาจรู้สึกคลื่นไส้ และอาเจียนส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมา และอาจกัดกร่อนฟันได้ ควรแปรงฟันอย่างถูกวิธีวันละ 2 ครั้ง และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด หรือแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหารในระหว่างตั้งครรภ์
อ่านต่อได้ที่นี่ >> http://www.facebook.com/note.php?note_id=206134946104977