คอลัมน์: EXCLUSIVE: 'สมประสงค์ บุญยะชัย'ย้ำชินคอร์ป'NO Color'ฝันอีก 5 ปีปลอดการเมือง!
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th)
Monday, July 12, 2010 10:03
1403 XTHAI XCOMMENT XECON DAS V%PAPERL P%TSK
ถ้าเอาวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 เป็นตัวตั้ง ลบด้วยวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 เป็นเวลา 3 ปีที่"สมประสงค์ บุญยะ-ชัย" รับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(บมจ.) มีบทบาทดูแลสินทรัพย์นับแสนล้านบาทของธุรกิจกลุ่มชินคอร์ป
หากแต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้"สมประสงค์"ได้ประกาศนโยบายหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในครั้งนั้นว่า"จุดยืนของกลุ่มชิน จะเป็นแบบ Single Objective คือมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองใดๆทั้งสิ้นเน้นการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้"แต่สุดท้ายบมจ.ชินคอร์ป ก็ไม่พ้นบ่วงการเมืองทั้งๆ ที่ผู้ถือหุ้นเดิมคือครอบครัวชินวัตร และ ดามาพงศ์ ตัดขายทิ้งธุรกิจให้กับกองทุนเทมาเสกโฮลดิ้งไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2549 เป็นวงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท
"สมประสงค์" ให้ "ฐานเศรษฐกิจ"สัมภาษณ์พิเศษ ตอบทุกคำถามแบบตรงไปตรงมา อ่านรายละเอียดได้จากบรรทัดถัดจากนี้!!
วันนี้ ชินคอร์ปปลอดการเมืองหรือยัง เจตนารมณ์ของบริษัทไม่เปลี่ยนเพราะเราทำงานเพื่อคน 4 กลุ่ม คือ 1.ลูกค้า 2. ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ 3. พนักงาน และ 4. ประเทศชาติและสังคม เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วในหน้าที่ของเราที่จะปฏิบัติได้ เราต้องเป็น pure professional (การบริหารแบบมืออาชีพ) วันที่รับตำแหน่ง คือ วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2550 และวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2550 ได้แถลงข่าววันแรก และย้ำว่าเราเป็นบริษัทที่ดำเนินการธุรกิจและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มาเวลานี้ยังยืนยันในสิ่งนี้อยู่ในการยืนยันอันนี้ก็ใช้คำพูดที่แตกต่างไปจากเดิม คือใช้คำว่าNO Color การที่เป็น NO Color หรือneutral คือ ความเป็นกลาง ที่ต้องเป็นNo Color เพราะว่าตอนนี้มีสัญลักษณ์สีเกิดขึ้น เราใช้คำว่า No Color แปลว่าเข้าได้ทุกสี
"เราเหมือนน้ำเปล่า เราไปที่ไหนก็ได้เราเข้าได้ทุกสี ส่วน neutral คำอธิบายของผมคือว่าเราจะไม่มีความยินดีไปกับชัยชนะของใคร ไม่มีความเสียใจความเศร้าโศกกับการพ่ายแพ้ของใคร"
No Color จะทำได้ไหมผมคิดว่าไม่พ้นวิสัยเพราะว่าบริษัทย่อมต้องเป็น No Color คือ ผมไม่ก้าวล่วงไปในสิทธิส่วนบุคคลของใคร แต่ว่าด้วยหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนี้เป็นเพียงคำพูดสะท้อนต่อความเป็น Business P rofessional (บริหารแบบมืออาชีพ) อีกไม่นานถ้าเรื่องหายไป เรื่อง No Color หรือเป็นกลางไม่เป็นประเด็นอีกแล้วเราอาจกลับสู่คำหลักของเรา คือเป็น Business Professional เพราะเราตั้งเป้าหมายเป็นสถาบันทางธุรกิจ ไม่ใช่เป็น Political Professional (มืออาชีพทางการเมือง)
ตอกย้ำอีกครั้งแสดงว่าไม่สำเร็จแต่จากการประเมินผลที่มีด้วยกัน2 ส่วน 1. จากการสำรวจ ผลสำรวจปรากฏว่า Improve (ดีขึ้น) คนพิจารณาเราเห็นว่าแยกออกมา อีกส่วนหนึ่งคือเราอยู่ในงานสังคมเราได้พบปะผู้คน ผมมั่นใจว่ามี Improvement ที่ดี และวัดได้จากความรู้สึก แต่ในระยะแรกช่วงปลายปี 2549 คาบเกี่ยวต้นปี 2550 เราเหมือนบุคคลต้องห้าม โดยเฉพาะหน่วยงานราชการระมัดระวังตัวมาก แต่เวลาผ่านไปสิ่งต่างๆ จางหายไปบ้าง มีคนอีกฟากหนึ่งมาถามว่าจะจ่ายปันผลหรือไม่แต่ความเชื่อทางการเมืองของเขาไปอีกด้านหนึ่ง สะท้อนว่าเริ่มพิจารณาแยกเรื่องได้บ้างแล้ว ระหว่างสถาบันทางธุรกิจกับเรื่องของตัวบุคคล