Sanook.commenu

ค้นหา ตรวจหวย ข่าว อีเมล์ ดูทีวีออนไลน์ ฟังเพลงออนไลน์ คลาสสิฟายด์ ริงโทน เกมส์ ดูทั้งหมด »

สนุก! เว็บบอร์ด > หมวดหมู่ > ชุมชนสนุก! > ชุมชนไทยเมท > *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
ผู้ดูแล: StaffThaimate
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8
ชนิดกระทู้ ผู้เขียน *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*   (อ่าน 8505 ครั้ง)
add

*ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*

 
        ผู้ตั้งกระทู้: 2 ก.ย. 07, 16:33 น
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง

*ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*

"พระเยซูคริสต์" เป็นคำตอบชีวิต เป็นความจริง เป็นความรักครับ.............
*พระเยซูคริสต์* เป็นความรัก
ความรัก 1 โครินธ์ 13 : 4-8 ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้
ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย
ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว
ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิดแต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่นและเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ
และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น

ประกาศ “ข่าวประเสริฐ”
*พระเยซูคริสต์* ผู้ทรงตายบนไม้กางเขน 3 วัน แล้วฟื้นคืนชีพจากความตาย
ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย ผู้ทรงไถ่บาปเพื่อคนทั้งปวง.....
พระเยซูตรัสว่า ผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์ ผู้นั้นจะรับความรอด.....
พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต
ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา”
*ชมภาพยนตร์เรื่อง THE PASSION OF THE CHRIST
(เดอะแพสชั่นออฟเดอะไครสต์) A MEL GIBSON FILM (เมลกิ๊บสันสร้าง)*
แล้วจะเข้าใจ “ข่าวประเสริฐ” ครับ.....BAKI777@THAIMAIL.COM
“ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้อง,เพื่อนทุกท่านครับ”
ผมเป็นคริสเตียนเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกครับ
*พูดคุยกันได้ครับที่อีเมล์ baki777@thaimail.com*

ผมเป็นคริสเตียนเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกครับ

“คริสเตียน” คือ
คนที่ศรัทธาพระเยซูคริสต์และเดินตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ครับ....
(พระคัมภีร์)
*คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ สอนและเดินตามพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอน*
ผมขอเชิญชวนเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านไป“คริสตจักรความหวัง” กันน่ะครับ
เพื่อจะได้รู้จัก *ข่าวประเสริฐพระเยซูคริสต์* มากขึ้นน่ะครับ
....การทำความรู้จักใครสักคน ไม่ใช่การเสียเวลา....
*ทำความรู้จักพระเยซูคริสต์ ไม่เสียเวลาแน่นอนครับ*
“คริสตจักรความหวัง” มีทั่วประเทศทุกจังหวัดครับ ส่วน
“คริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ” จะอยู่แถวคลองเตยครับ
คริสตจักรยินดีต้อนรับเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านครับ
JESUS LOVE YOU

กิจกรรมน่าสนใจจาก สนุกเว็บบอร์ด

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

 
Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #1: 2 ก.ย. 07, 16:36 น


*ทำไมต้องมีการบริจาคโลหิต*
โลหิตเป็นสิ่งสำคัญในดำรงรักษาชีวิตมนุษย์ ให้อยู่รอด
นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นคว้ามาเป็นเวลานาน
แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการหาสารประกอบอื่นๆที่มาทดแทนโลหิตได้
ฉะนั้นเมื่อยามที่ร่างกายเสียโลหิตจากอุบัติเหตุ ผ่าตัด หรือ
โรคที่จำเป็นต้องรักษาด้วยโลหิต
จึงจำเป็นต้องรับบริจาคโลหิตจากบุคคลหนึ่งเพื่อนำไปให้อีกบุคคลหนึ่ง
เพื่อช่วยเหลือชีวิตให้ทันท่วงทีนั่นเอง
ความจำเป็นต้องใช้โลหิต
โลหิต 77% ที่ได้รับบริจาคถูกนำไปใช้เพื่อทดแทนโลหิตที่สูญเสียไป
ในภาวะต่างๆ อาทิ อุบัติเหตุ การผ่าตัด โรคกระเพาะอาหาร
การคลอดบุตร ฯลฯ
อีก 23% เป็นการนำโลหิตไปใช้เฉพาะโรค อาทิ โรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมีย)
เกล็ดโลหิตต่ำ ฮีโมฟีเลีย เป็นต้น
การบริจาคโลหิตไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคแต่อย่างใด
การบริจาคโลหิตคือการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้
เพื่อให้กับผู้ป่วย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาค
เพราะร่างกายแต่ละคนจะมีปริมาณ 17-18 แก้วน้ำ ร่างกายใช้เพียง 15-16
แก้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้
โลหิตสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือนเพราะเมื่อบริจาคโลหิตออกไป
ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทน
ให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม ถ้าไม่ได้บริจาค
ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว เพราะหมดอายุออกมาทางปัสสาวะ อุจจาระ
กระบวนการบริจาคโลหิตตั้งแต่เริ่มลงทะเบียน
จนกระทั่งบริจาคโลหิตเสร็จสิ้น ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเลือกเจาะโลหิตที่เส้นโลหิตดำ บริเวณแขน
แล้วเก็บโลหิตบรรจุในถุงพลาสติก (BLOOD BAG) ตั้งแต่ 350-450 มิลลิลิตร
(ซี.ซี.) ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค
คุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิต
1. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์
2. น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป สุขภาพทั่วไปสมบูรณ์ดี
3. ไม่มีประวัติโรคตับอักเสบ หรือดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
4. ไม่เป็นไข้มาลาเรียมาในระยะ 3 ปี ที่ผ่านมา และไม่เป็นกามโรค
โรคติดเชื้อต่างๆ ไอเรื้อรัง ไอมีโลหิต โลหิตออกง่ายผิดปกติ
โรคโลหิตชนิดต่างๆ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคลมชัก
โรคผิวหนังเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
5. ไม่อยู่ในภาวะน้ำหนักลดมากในระยะสั้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
6. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ หรือสำส่อนทางเพศ
ไม่มีประวัติติดยาเสพติด
7. งดการบริจาคโลหิตภายหลังผ่าตัด คลอดบุตร หรือ แท้งบุตร 6 เดือน
(ถ้ามีการรับโลหิตต้องงดบริจาคโลหิต 1 ปี)
8. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
ดูแลตัวเองก่อนมาบริจาคโลหิต
*ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
*ควรมีสุขภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด
หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาใดๆ
*ควรรับประทานอาหารมาก่อน และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีไขมัน
*งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
*งดสูบบุหรี่ก่อน และ หลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
ข้อปฏิบัติหลังบริจาคโลหิต
*นอนพักบนเตียงสักครู่ ห้ามลุกจากเตียงทันที จะเวียนศีรษะเป็นลมได้
*ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีบริการให้ และ ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1 วัน
*ไม่ควรรีบร้อนกลับ นั่งพักจนแน่ใจว่าเป็นปกติ
หากเวียนศีรษะให้รีบบอกเจ้าหน้าที่ทันที
*รับประทานยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละ 1 เม็ด จนหมด
เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
*หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันการบวมช้ำ
*งดกิจกรรมที่ใช้กำลังและเสียเหงื่อที่ทำให้อ่อนเพลียได้
ท่านสามารถบริจาคโลหิตได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
วันจันทร์-ศุกร์ (ไม่หยุดพักกลางวัน) เวลา 08.00 – 16.30น.
วันพฤหัสบดี (ไม่หยุดพักกลางวัน)เวลา 07.30 – 19.30 น.
วันเสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00 – 12.00 น.
วันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 16.00 น.
สาขาบริการโลหิต โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ
สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02-2526116, 02-2521637, 02-2524106-9 ต่อ 1770, 1771,
1760, 1761
www.redcross.or.th
ผมเชื่อได้ว่า “เพื่อนๆทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผม”
จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..... โดยการบริจาคโลหิตครับ
(ขอพระเจ้าอวยพระพรเพื่อนทุกท่านครับ)

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #2: 2 ก.ย. 07, 16:39 น

*การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ*
ผมเชื่อว่า “เพื่อนๆทุกท่าน” จะมีความสุขจากการให้โลหิต.....
เพราะโลหิตของท่านได้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ครับ.....

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #3: 9 ก.ย. 07, 12:47 น


*พระดำรัสของพระเยซูคริสต์*
จงฉลาดเหมือนงู และไม่มีภัยเหมือนนกพิราบ

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #4: 9 ก.ย. 07, 12:50 น


กิตติคุณของพระเยซูคริสต์
เรียบเรียงโดย
ท่านยอห์น (ยอห์น 1:1-18 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
พระวาทะบังเกิดเป็นมนุษย์
ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า
และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงดำรงอยู่กับพระเจ้า
พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมาโดยพระวาทะ
ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้นไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ
พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์
ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่
มีชายคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้มาชื่อยอห์น
ท่านมาเพื่อเป็นสักขีพยานเพื่อเป็นพยาน
ให้แก่ความสว่างนั้นเพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน
ท่านไม่ใช่ความสว่างนั้น แต่ท่านมาเพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น
ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงนั้นได้
แม้ขณะนั้นกำลังเข้ามาในโลก พระองค์ทรงอยู่ในโลก
ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาทางพระองค์ แต่โลกหาได้รู้จักพระองค์ไม่
พระองค์ได้เสร็จมายังบ้านเมืองของพระองค์
และชาวบ้านชาวเมืองของพระองค์ไม่ได้ต้อนรับพระองค์
แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์
พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม
หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า
พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา
บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์
คือ พระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา
ยอห์นได้เป็นพยานให้แก่พระองค์และร้องประกาศว่า
“นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า
พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้าเพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า”
และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ
เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส
ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย
พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา
พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #5: 9 ก.ย. 07, 12:53 น


คำพยานของยอห์นผู้ให้บัพติศมา (ยอห์น 1:19-28 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
นี่เป็นคำพยานของยอห์น คือ
เมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า “ท่าน คือ
ผู้ใด” ท่านได้ยอมรับ ท่านมิได้ปฏิเสธ คือได้ยอมรับว่า
“ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” เขาทั้งหลายจึงถามว่า
“ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครเล่า ท่านเป็นเอลียาห์หรือ” ท่านตอบว่า
“ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะนั้นหรือ” และท่านตอบว่า
“มิได้” คนเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร
ขอให้เราได้รับคำตอบเพื่อจะได้ไปบอกผู้ที่ใช้เรามา ท่านกล่าวว่า
ท่านเป็นใคร” ท่านตอบว่า “เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องประกาศ
ในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’
ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้”
ฝ่ายผู้ที่พวกฟาริสีส่งไปนั้นเขาเหล่านั้นก็ได้ถามท่านว่า
“ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือ เอลียาห์ หรือ ผู้เผยพระวจนะนั้นแล้ว
ทำไมท่านจึงทำพิธีบัพติศมา” ยอห์นได้ตอบเขาเหล่านั้นว่า
“ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ
แต่มีพระองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่านนั้น ท่านไม่รู้จัก
พระองค์นั้นแหละมาภายหลังข้าพเจ้าแม้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์
ข้าพเจ้าก็ไม่บังควรที่จะแก้”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออกอันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่
พิธีบัพติศมา คือ พิธีชำระใช้น้ำเป็นสัญญลักษณ์
เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #6: 9 ก.ย. 07, 12:55 น


จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า (ยอห์น 1:29-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า
“จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย
พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า ‘ภายหลังข้าพเจ้า
จะมีผู้หนึ่งเสด็จมาเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า
เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า’ ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รู้จักพระองค์
แต่เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พวกอิสราเอล
ข้าพเจ้าจึงได้มาให้บัพติศมาด้วยน้ำ” และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า
“ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกพิราบเสด็จลงมาจากสวรรค์
และทรงสถิตบนพระองค์ ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์
แต่พระองค์ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
‘เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาสถิตอยู่บนผู้ใด
ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’
และข้าพเจ้าก็ได้เห็นแล้วและได้เป็นพยานว่า
พระองค์นี้แหละเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
พระเมษโปดก แปลว่า ลูกแกะ

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #7: 9 ก.ย. 07, 12:56 น


พระเยซูกับนิโคเดมัส (ยอห์น 3:1-21 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
มีชายคนหนึ่งในพวกฟาริสีชื่อนิโคเดมัส เป็นขุนนางของพวกยิว
ชายผู้นี้ได้มาหาพระเยซูในเวลากลางคืน ทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า
พวกข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า
เพราะไม่มีผู้ใดกระทำหมายสำคัญ ซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้ นอกจากว่า
พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”
นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า
“คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้จะเข้าในครรถ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ”
พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้
ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง
และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า
ท่านทั้งหลายต้องบังเกิดใหม่ ลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น
และท่านได้ยินเสียงลมนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน
คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน” นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า
“เหตุการณ์อย่างนี้จะเป็นไปอย่างไรได้” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า
“ท่านเป็นอาจารย์ของชนอิสราเอลและท่านยังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้หรือ
เราบอกความจริงแก่ท่านว่า พวกเราพูดสิ่งที่เรารู้
และเป็นพยานถึงสิ่งที่เราได้เห็น แต่ท่านทั้งหลายหาได้รับคำพยานของเราไม่
ถ้าเราบอกท่านทั้งหลายถึงสิ่งฝ่ายโลกและท่านไม่เชื่อ
ถ้าเราบอกท่านถึงสิ่งฝ่ายสวรรค์ท่านจะเชื่อได้อย่างไร
ไม่มีผู้ใดได้ขึ้นไปสู่สวรรค์ นอกจากท่านที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรมนุษย์
โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก
จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก
แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ
ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว
เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว
แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม
เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่างและไม่มาถึงความสว่าง
ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ แต่ผู้ที่ประพฤติชอบก็มาสู่ความสว่าง
เพื่อให้เห็นว่าการกระทำของเขานั้นได้กระทำโดยพึ่งพระเจ้า

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #8: 9 ก.ย. 07, 12:58 น


*ฤทธิ์เดชของข่าวประเสริฐ* (โรม 1:16-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
เพราะว่าข้าพเจ้า ไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ
เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า
เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย
เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น
ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ
สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #9: 9 ก.ย. 07, 13:01 น


*กรรมชั่วของมนุษยชาติ* (โรม 1:18-32 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ต่อความหมิ่นประมาทพระองค์และความชั่วร้ายทั้งมวลของมนุษย์ที่เอาความชั่วร้ายนั้นบีบคั้นความจริง
เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย
เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว
สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือ ฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์
ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง
ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย
เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว
เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้าหรือหาได้ขอบพระคุณไม่
แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป
เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป
และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตาย
หรือรูปนผมปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา
ให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน
เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ
และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้
แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน
เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ
พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากการสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป
ฝ่ายผู้ชายก็เลิกการสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน
และเร่าร้อนด้วยไฟแห่งราคะตัณหาที่มีต่อกัน
ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันชั่วช้าอย่างน่าละอาย
เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา
และเพราะเขาไม่เห็นสมควรที่จะรู้จักพระเจ้า
พระองค์จึงทรงปล่อยให้เขามีใจชั่วและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม
พวกเขาเต็มไปด้วยสรรพการอธรรม ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย
ความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การวิวาท การล่อลวง
การคิดร้าย พูดนินทา ส่อเสียด เกลียดชังพระเจ้า เย่อหยิ่ง
จองหอง อวดตัว ริทำชั่วแปลกๆ ไม่เชื่อฟังบิดามารดา
โง่เขลา กลับสัตย์ ไม่มีความรักกัน ไร้ความปราณี
แม้เขาจะรู้พระบัญญัติของพระเจ้า
ที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย
เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น
แต่ยังเห็นดีกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #10: 9 ก.ย. 07, 13:03 น


*การพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้า* (โรม 2:1-16 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
เหตุฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร
เมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่นนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย
เพราะเมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่น ท่านก็ได้กล่าวโทษตัวเองด้วย
เพราะว่าท่านที่กล่าวโทษเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา
เรารู้ว่าการที่พระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็สมควรจริงๆ
มนุษย์เอ๋ย ท่านที่กล่าวโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้น
แต่ท่านเองยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา
ท่านคิดหรือว่าท่านจะพ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าได้
หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาคุณอันอุดม และความอดกลั้นพระทัย
และความอดทนของพระองค์
ท่านไม่รู้หรือว่าพระกรุณาคุณของพระเจ้านั้นมุ่งที่จะชักนำท่านให้กลับใจใหม่
แต่เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงส่ำสมโทษให้แก่ตัวเอง
ในวันที่พระเจ้าทรงลงพระอาชญา
ซึ่งพระองค์จะทรงสำแดงการพิพากษาลงโทษที่เที่ยงธรรมให้ประจักษ์
เพราะพระองค์จะประทานแก่ทุกคนตามควรแก่การกระทำของเขา
สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติ
และความเป็นอมตะนั้น พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดน์ให้
แต่พระองค์จะทรงพระพิโรธและลงพระอาชญาแก่คนที่มักยกตนข่มท่าน
และไม่ประพฤติตามสัจจะ แต่ประพฤติชั่ว
ความทุกข์เวทนาจะเกิดแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว
แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกต่างชาติด้วย แต่ศักดิ์ศรี เกียรติ
และสันติสุขจะเกิดมีแก่ทุกคนที่ประพฤติดี
แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกต่างชาติด้วย
เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใดเลย
คนทั้งหลายที่ไม่มีธรรมบัญญัติและทำบาป จะต้องพินาศโดยไม่อ้างธรรมบัญญัติ
และคนทั้งหลายที่มีธรรมบัญญัติและทำบาป ก็จะต้องมีโทษตามธรรมบัญญัติ
เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น
หาใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าไม่
คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงถือว่าเป็นผู้ชอบธรรม
เมื่อชนต่างชาติซึ่งไม่มีธรรมบัญญัติได้ประพฤติตามธรรมบัญญัติโดยปกติวิสัย
คนเหล่านั้นแม้ไม่มีธรรมบัญญัติก็เป็นธรรมบัญญัติให้ตัวเอง
แม้ว่าเขาจะไม่มีธรรมบัญญัติก็ตาม
เขาแสดงให้เห็นว่าหลักความประพฤติที่เป็นตามธรรมบัญญัตินั้นมีจารึกอยู่ในจิตใจของเขา
และใจสำนึกผิดชอบก็เป็นพยานของเขาด้วย
ความคิดขัดแย้งต่างๆของเขานั้นแหละจะกล่าวโทษตัวเขาหรืออาจจะแก้ตัวให้เขาในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษาความลับของมนุษย์โดยพระเยซูคริสต์ทั้งนี้ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น

Tags:
 
Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #11: 9 ก.ย. 07, 13:05 น


มัทธิว 25 : 31-46 (พระคริสตธรรมคัมภีร์)
การพิพากษา
ประชาชาติทั้งหลาย
“เมื่อบุตรมนุษย์ทรงพระสิริเสด็จมากับทั้งหมู่ทูตสวรรค์
เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์
บรรดาประชาชาติต่างๆจะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์พระองค์
และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็นสองพวกเหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะจะแยกแกะออกจากแพะ

ส่วนฝูงแกะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์แต่ฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องซ้าย

ขณะนั้นพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า
‘ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักร
ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก
เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ
ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้
เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม
เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา
เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา
เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า
ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ
และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไร
ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้
หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร
ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร
และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร’ แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า
‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ซึงท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร
ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย’
พระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า
‘ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา
เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์
ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น
เพราะว่าเมื่อเราหิวท่านก็มิได้ให้เรากิน
เรากระหายน้ำท่านก็มิได้ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า
ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย
ท่านก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องจำอยู่ในพันธนาคาร
ท่านไม่ได้เยี่ยมเรา เขาทั้งหลายจะทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า
ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ
หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือเปลือยพระกาย หรือประชวร
หรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร
และข้าพระองค์มิได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นแต่เมื่อไร’
เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสกับเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ซึ่งท่านมิได้กระทำแก่ผู้ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ก็เหมือนท่านมิได้กระทำแก่เราด้วย’
และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์
แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #12: 9 ก.ย. 07, 14:04 น


*เหล้าเป็นต้นเหตุตับอ่อนอักเสบ
แพทย์พบมีอัตราการเสียชีวิตสูง*
แพทย์จุฬาฯ ทบทวนประวัติผู้ป่วยภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรงในรอบ 5
ปี จำนวน 210 ราย พบการดื่มเหล้าเป็นต้นเหตุของโรคอันดับ 1
รองลงมาเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี
ส่วนการรักษาคนไข้ที่มีภาวะเนื้อตายของตับอ่อน
แต่ไม่พบการติดเชื้อใช้การรักษาแบบประคับประคองร่วมกับวิธีการทางรังสีรักษาแทนการผ่าตัด

คนไข้ที่มีภาวะเนื้อตายของตับอ่อนติดเชื้อต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดและติดตามภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
รศ.นพ.พัฒน์พงศ์ นาวีเจริญ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้วิจัยเรื่อง
“แนวทางการดูแลและผลการรักษาในผู้ป่วยภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรง”
พบว่าโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรงเป็นโรคที่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
มีอัตราการเสียชีวิตสูง
ในปัจจุบันแนวทางการดูแลรักษาในระยะแรกของโรคเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่อาศัยการผ่าตัดเป็นส่วนใหญ่มาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง
รศ.นพ.พัฒน์พงศ์กล่าวด้วยว่า จากผลการศึกษาวิจัย
ผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจุฬาฯที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรง
มีสาเหตุการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบที่พบมากที่สุด ไดแก่
การดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็นร้อยละ 47.5 รองลงมาเกิดจากนิ่วในทางเดินน้ำดี
ร้อยละ 37.5 ผู้ป่วย 18 ราย หรือร้อยละ 45
อัตราการเสียชีวิตโดยรวมเท่ากับร้อยละ 25
รศ.นพ.พัฒน์พงศ์กล่าวว่า
การที่ผู้ป่วยมีภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรงก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและมีอัตราการเสียชีวิตสูง.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #13: 9 ก.ย. 07, 14:06 น


*อ่านเพื่อ”หัวเราะ”คลายเครียดครับ*
*ข้อดีของการสูบบุหรี่*
1. ผมไม่หงอก
เพราะคุณจะไม่ได้อยู่จนผมหงอก
2. ขโมยไม่เข้าบ้าน
เพราะกลางคืน คุณจะไอ จนขโมยไม่กล้าเข้าบ้าน
3. สุนัขไม่กัด
เพราะคุณต้องใช้ไม้เท้าพยุงช่วยเดินจนสุนัขกลัว
4. คุณจะมีแต่เพื่อนแท้
เพราะเพื่อนๆทั่วไปเหม็นบุหรี่จากปากและตัวคุณจน เลิกคบ
คุณจะมีแต่เพื่อนแท้ในชมรมมะเร็งปอดเท่านั้น

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #14: 9 ก.ย. 07, 14:07 น


*อันตรายของบุหรี่ทำให้กลายพันธุ์ ถ่ายทอดสืบเนื่องไป ถึงรุ่นลูกหลาน*
ผลวิจัยบุหรี่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางดีเอ็นเอ
หรือยีนกลายพันธุ์และสามารถถ่ายทอดต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ เช่น
โรคมะเร็ง ที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่มายังลูก
จะทำให้โอกาสการเป็นมะเร็งของคนรุ่นลูกเร็วกว่ารุ่นพ่อแม่ประมาณ 10 ปี
ศ.นพ.ธันยชัย สุระ ภาควิชาอายุรศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า
ผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยในปี 2549
ที่รวบรวมผลการศึกษาดีเอ็นเอจากปัญหาการสูบบุหรี่ 38 การศึกษา
พบว่าดีเอ็นเอที่ถูกทำลายในคนที่สูบบุหรี่มีมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่
และการศึกษายังระบุด้วยว่า
ผู้ชายที่สูบบุหรี่เมื่อแต่งงานแล้วจะมีลูกช้ากว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
อันเนื่องมาจากอสุจิของคนที่สูบบุหรี่จะมีความสามารถในการเจาะผนังไข่เพื่อเข้าไปปฎิสนธิได้น้อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
เพราะในทางการแพทย์ควันบุหรี่ถือเป็นสารเคมีที่มีผลต่อการทำลายดีเอ็นเอ
หรือที่เรียกว่า Genotoxic
ศ.นพ.ธันยชัย ระบุว่า โดยปกติคนเราจะได้รับสารพิษสารเคมีอยู่ทุกวัน
แต่ร่างกายมนุษย์มีกระบวนการซ่อมสร้างดีเอ็นเอในร่างกาย
ทำให้ไม่เกิดปัญหาต่อการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม
แต่ถ้าวันใดที่กระบวนการซ่อมสร้างดีเอ็นเอไม่สามารถรับมือกับสารพิษหรือสารเคมีได้
จะทำให้สารพันธุกรรม
หรือดีเอ็นเอเปลี่ยนแปลงผิดเพี้ยนไปจากเดิมซึ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งที่สำคัญก็จะเกิดภาวะที่เรียกว่า
ดีเอ็นเอหรือยีนกลายพันธุ์ และสามารถถ่ายทอดต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้
เช่น โรคมะเร็ง ที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่มายังลูก.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #15: 16 ก.ย. 07, 14:41 น


มาระโก 7:14-23 ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
สิ่งที่ทำให้เป็นมลทิน
แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนอีกตรัสกับเขาว่า
“ท่านทั้งหลายจงฟังเราและเข้าใจเถิด
ไม่มีสิ่งใดภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์จะกระทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้แต่สิ่งซึ่งออกมาจากภายในมนุษย์
สิ่งนั้นแหละกระทำให้มนุษย์เป็นมลทิน [ใครมีหูฟังได้ จงฟังเถิด”]
ครั้นพระองค์ได้เสด็จเข้าไปในเรือน พ้นประชาชนแล้ว
เหล่าสาวกก็ได้ทูลถามพระองค์ถึงคำอุปมานั้น พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า
“ถึงท่านทั้งหลายก็ยังไม่เข้าใจหรือ ท่านยังไม่เห็นหรือว่า
สิ่งใดๆแต่ภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์จะกระทำให้มนุษย์ เป็นมลทินไม่ได้
เพราะว่าสิ่งนั้นมิได้เข้าในใจ แต่ลงไปในท้องแล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป” (
ที่ทรงสอนอย่างนี้ก็เป็นการประกาศว่าอาหารทุกอย่างปราศจากมลทิน )
พระองค์ตรัสว่า “สิ่งที่ออกมาจากภายในมนุษย์
สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน เพราะว่าจากภายในมนุษย์คือจากใจมนุษย์
มีความคิดชั่วร้าย การล่วงประเวณี การลักขโมย การฆ่าคน
การผิดผัวผิดเมีย การโลภ ความอธรรม การล่อลวงเขา ราคะตัณหา
อิจฉาตาร้อน การใส่ร้าย ความเย่อหยิ่ง ความบัดซบ
สารพัดการชั่วนี้เกิดมาจากภายใน และทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #16: 16 ก.ย. 07, 14:48 น


“ เรื่องเศรษฐีหนุ่ม ” มัทธิว 19:16-19 ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
ดูเถิด มีคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์
ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใดจึงจะได้ชีวิตนิรันดน์” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า
“ท่านถามเราถึงสิ่งที่ดีทำไม ผู้ที่ดีมีแต่ผู้เดียว
แต่ถ้าท่านปราถนาจะเข้าในชีวิต ก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้”
คนนั้นทูลถามว่า “คือพระบัญญัติข้อใดบ้าง” พระเยซูตรัสว่า “คือข้อที่ว่า
‘อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์
อย่าเป็นพยานเท็จ
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตนและจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #17: 16 ก.ย. 07, 14:51 น


ทัศนคติของพระเยซู
เรื่องความโกรธ (มัทธิว 5 : 21-26 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน
ถ้าผู้ใดฆ่าคน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ เราบอกท่านทั้งหลายว่า
ผู้ใดโกรธพี่น้องของตน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ
ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า ‘อ้ายโง่’
ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษและผู้ใดจะว่า ‘อ้ายบ้า’
ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว
และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน
จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน
แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล
เกลือกว่าคู่ความนั้นจะอายัดท่านไว้กับผู้พิพากษา
แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ
เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้กว่าจะได้ใช้หนี้จนครบ

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #18: 16 ก.ย. 07, 14:54 น


ทัศนคติของพระเยซู ( มัทธิว 5 : 27-30 )
เรื่องการล่วงประเวณี ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า
อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า
ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น
ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว
ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ตัวหลงผิดจงควักออกทิ้งเสีย
เพราะว่าถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวของท่านจะต้องลงนรก
ถ้ามือข้างขวาทำให้หลงผิด จงตัดทิ้งเสียเพราะถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง
ก็ดีกว่าตัวท่านจะต้องลงนรก”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #19: 16 ก.ย. 07, 14:57 น


ทัศนคติของพระเยซู ( มัทธิว 5 : 33-37 )
เรื่องการสบถสาบาน ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
“อีกประการหนึ่งท่านทั้งหลายได้ยินคำ ซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า
อย่าเสียคำสัตย์สาบาน
คำสัตย์สาบานที่ได้ถวายต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นต้องรักษาไว้ให้มั่น
ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย โดยอ้างถึงสวรรค์ก็อย่าสาบาน
เพราะสวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า
หรือโดยอ้างถึงแผ่นดินโลกก็อย่าสาบาน
เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า
หรือโดยอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มก็อย่าสาบาน
เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์
อย่าสาบานโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาว
หรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้ จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่
พูดแต่เพียงนี้ก็พอคำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #20: 16 ก.ย. 07, 15:01 น


ความเชื่อฟังและความรัก (เอเฟซัส 6:1-4 พระคริสตธรรมคัมภีร์)
ฝ่ายบุตรจงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตน
ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า
นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย
เพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก
ฝ่ายท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของตนให้เกิดโทสะ
แต่จงอบรมบุตรด้วยการสั่งสอน และการเตือนสติตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #21: 16 ก.ย. 07, 15:05 น


ทัศนคติของพระเยซู ( มัทธิว 5 : 38-48 )
เรื่องการตอบแทน ( พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ตาแทนตา และฟันแทนฟัน
ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว
ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป
ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย
ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตรก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร
ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่านก็จงให้อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน”
รักศัตรู
“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท
และเกลียดชังศัตรู ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน
และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่านทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดี
และคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม
แม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน จะได้บำเหน็จอะไร
ถึงพวกเก็บภาษีก็ยังกระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ
ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียวท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่า
ถึงคนต่างชาติก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ
เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ
เหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #22: 16 ก.ย. 07, 15:11 น


“น้ำหนักเกิน” และ “อ้วน”
น้ำหนักเกิน หมายถึง น้ำหนักโดยรวมของร่างกายมากกว่ามาตรฐาน
ซึ่งน้ำหนักโดยรวมนี้คิดรวมจากกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมันและ/หรือนิ่ว
ภาวะอ้วน หมายถึง
ร่างกายมีปริมาณไขมันสะสมสูงเกินไปโดยในเพศชายมีไขมันเกิน 25%
และผู้หญิงมีไขมันในร่างกายเกิน 30% ของปริมาณไขมันในร่างกายทั้งหมดถือว่า
“อ้วน”
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วนจะเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันสูง
โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคข้อ และโรคไต
จะทราบได้อย่างไรว่าอ้วน
โดยการวัดดัชนีมวลกาย (Body mass index, BMI: บีเอ็มไอ)

โดยสูตรบีเอ็มไอ = นน.ตัว (กก.) / ส่วนสูง (เมตร)ยกกำลัง2 = นน.ตัว (กก.) หาร
ส่วนสูง (เมตร)ยกกำลัง2
ตัวอย่าง ชายน้ำหนัก 70 กก. สูง 1.70 เมตร จะสามารถคำนวณได้ดังนี้
บีเอ็มไอ = 70/(1.70)ยกกำลัง2 = 23.66
ถ้า บีเอ็มไอ มากกว่า 26 ในคนไทยถือว่า “อ้วน”
ตำแหน่งที่ไขมันสะสมมีส่วนทำนายการพยากรณ์โรค กล่าวคือ
ถ้าตำแหน่งที่ไขมันสะสมอยู่รอบเอว
จะเสี่ยงต่อโรคต่างๆที่ตามมามากกว่าไขมันสะสมที่สะโพก
*ผู้ที่อ้วนเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนัก ดังนั้นไตจึงมักเสื่อมหน้าที่เร็วขึ้น
เพราะผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไปจะมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะเพิ่มขึ้น
เพราะความอ้วนจะไปกดทับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตทำให้ความดันภายในไตสูงขึ้น
โปรตีนที่รั่วนี้จะเป็นตัวทำลายไต
การเปลี่ยนแปลงนี้จะดีขึ้นถ้าน้ำหนักตัวลดลง
จึงควรควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน*

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #23: 16 ก.ย. 07, 15:15 น


“ ชีวิตแขวนอยู่กับขนาดรอบเอว เอวโตสาเหตุใหญ่โรคหัวใจวาย “
ผลการสำรวจในหลายประเทศทำให้รู้ว่า
อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลยแม้แต่แพทย์บางคนก็ยังไม่ทันนึกรู้ว่า
ไขมันแถวพุงและการมีเอวโตใหญ่เป็นตัวการร้าย
เป็นเหตุให้ล่อแหลมกับการเป็นโรคหัวใจ ซึ่งคร่าชีวิต
มนุษย์ทั่วโลกลงปีหนึ่งๆ มากถึง 17 ล้านคน
ผลการสำรวจทำให้ได้ทราบว่ามีเพียงคนไข้เพียงไม่กี่คนและหมอสัก 60%
เท่านั้น ที่รู้ดีว่ายิ่งเอวโต
เท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงกับโรคหัวใจวายยิ่งขึ้น
คนทั่วไปในปัจจุบันอาจจะรู้ว่าการปล่อยตัวให้อ้วน ทำให้
เป็นโรคหัวใจและอัมพาตง่ายขึ้น
แต่ไม่ได้คิดว่าบริเวณที่ไขมันเก็บสะสมอยู่ที่ไหน นั่นแหละยิ่งสำคัญกว่า
ศาสตราจารย์ซิดนีย์ สมิธ แห่งมูลนิธิโรคหัวใจ ที่นครเจนีวา
กล่าวว่าการปล่อยให้ขนาดของเอวโต
ต้องถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงกับการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญมาก
ที่ถูกที่ควรแล้ว ควรจะให้มีการตรวจ
วัดขนาดรอบเอว ซึ่งไม่ต้องเสียอะไรเลย ร่วมกับการตรวจวัดอย่างอื่น เช่น
ความดันโลหิต ระดับไขมันและ
กลูโคสในเลือด เมื่อตรวจหาความเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วยซ้ำ
เขาชี้แจงต่อไปว่า สำหรับคนเอเชียแล้ว
ขนาดรอบเอวของผู้ชายที่วัดได้ถึง 80 ซม. และผู้หญิง 90 ซม.
ต้องถือว่าเป็นขนาดที่เสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจมาก
การสำรวจและสอบถามครั้งนี้ทำกับหญิงชายประมาณ 11,077 คน
ในชาติต่างๆ 27 ชาติ เพื่อ
หยั่งถึงความรอบรู้ในเรื่องโรคหัวใจของคนทั่วไป
อันเป็นโรคเพชฌฆาตใหญ่ที่สุดแห่งโลกสมัยอุตสาหกรรม.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #24: 16 ก.ย. 07, 15:22 น


>Subject: สาเหตุที่ พนักงาน ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน -*-
>
>
> > > อย่าสงสัยว่าทำไมเงินเดือนไม่ขึ้น
> > >
> > >
> > > หลังจากทำงานผ่านไปได้ 2 ปี หนุ่มคนหนึ่งก็เริ่มสงสัยว่า ทำไม๊ทำไม
> > > เค้าไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเลย
> > >
> > >
>เช้าวันหนึ่งเค้าตัดสินใจเข้าไปพบผู้จัดการแผนกบุคคลและคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
> > > เมื่อฝ่ายบุคคลได้ฟังข้อสงสัยของเค้า
> > จึงได้หัวเราะเชิญให้เค้านั่งลงและพูดว่า
> > >
> > > บุคคล: นี่คุณ คุณจะให้ผมขึ้นเงินเดือนให้คุณได้ยังไง
> > > ในเมื่อคุณไม่ได้ทำงานที่นี่เลยแม้แต่วันเดียว
> > >
> > > ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก
> > > แต่ฝ่ายบุคคลก็ยังคงใจเย็นและอธิบายต่อไป
> > >
> > > บุคคล: ไหนคุณตอบคำถามผมหน่อยสิ ในหนึ่งปีมีกี่วัน
> > > ชายหนุ่ม : 365 วัน และบางปีก็ 366 วันครับ
> > >
> > > บุคคล : แล้วในหนึ่งวันมีกี่ชั่วโมง
> > > ชายหนุ่ม : 24 ชั่วโมง
> > >
> > > บุคคล : แล้วในหนึ่งวัน คุณทำงานกี่ชั่วโมง
> > > ชายหนุ่ม : 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น มีพัก 1 ชั่วโมง ....... ทำ 8
>ชั่วโมงครับ
> > >
> > > บุคคล : อาฮะ .... แสดงว่า คุณทำงานเท่าไหร่ต่อหนึ่งวัน
> > > ชายหนุ่ม : ก็ทำ 8/24 ชั่วโมง ก็แปลว่า 1/3 ก็คือทำงาน 1 ใน 3
> > > ของวันครับผม
> > >
> > > บุคคล : โอเคขอบคุณมาก งั้นลองมาคิดต่อนะ คุณทำงาน 1 ใน 3 ของ 366 วัน
> > > แสดงว่าคุณทำงานกี่วัน
> > > ชายหนุ่ม: 1 ปี ผมทำงาน 122 วันครับ (366 หาร 3 = 122 วัน)
> > >
> > > บุคคล : เอาล่ะ ปกติคุณมาทำงานวันเสาร์อาทิตย์ด้วยรึเปล่า
> > > ชายหนุ่ม : ไม่ได้มาครับ
> > >
> > > บุคคล : แล้วปีหนึ่งมีวันหยุดสุดสัปดาห์กี่วัน
> > > ชายหนุ่ม : มีวันเสาร์ 52 วัน วันอาทิตย์ 52 วัน รวมเป็น 104 วันครับ
> > >
> > > บุคคล : 1 ปี คุณว่าคุณทำงานจริง 122 วัน แต่มีเสาร์อาทิตย์อีก 104 วัน
> > > งั้นตกลงคุณทำงานกี่วัน
> > > ชายหนุ่ม : 122 – 104 = 18 วันครับ (เสียงเริ่มอ่อย)
> > >
> > > บุคคล : โอเค .. ปกติผมอนุญาตให้คุณลาป่วยได้ปีละ 2 อาทิตย์ ซึ่งก็คือ
> > > 14
>วัน
> > > ตกลงตอนนี้คุณเหลือเวลาทำงานกี่วัน
> > > ชายหนุ่ม : 18 – 14 = 4 วันครับ
> > >
> > > บุคคล : แล้ววันปีใหม่คุณมาทำงานมั๊ย
> > > ชายหนุ่ม : ไม่ครับ
> > >
> > > บุคคล : วันแรงงานล่ะ
> > > ชายหนุ่ม : ไม่ครับ
> > >
> > > บุคคล : ตกลงเหลือกี่วัน
> > > ชายหนุ่ม : 2 วันครับ
> > >
> > > บุคคล : วันพ่อมาทำงานมั๊ย
> > > ชายหนุ่ม : ไม่มาครับ
> > >
> > > บุคคล : ตกลงเหลือกี่วันแล้ว
> > > ชายหนุ่ม : 1 วันครับ
> > >
> > > บุคคล : แล้ววันแม่ล่ะ หยุดมั๊ย
> > > ชายหนุ่ม : หยุดครับ
> > >
> > > บุคคล : ตกลงปีนึงคุณทำงานให้บริษัทกี่วันเนี๊ยะ
> > > ชายหนุ่ม : ไม่ได้ทำเลยครับ!!!
> > >
> > > บุคคล : อ้าว !! ..แล้วนี่คุณจะมาเรียกร้องอะไรอีกเนี๊ยะ
> > > ชายหนุ่ม : ผมเข้าใจแล้วครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทุกวันนี้
> > > เงินเดือนที่ผมได้ เหมือนกับขโมยบริษัทมาเปล่าๆเลยครับ
> > > _______

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #25: 16 ก.ย. 07, 17:29 น


“ คำอุปมาเรื่องทาสที่ไม่ยอมให้อภัย “ มัทธิว18 : 21-35 (
พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า “ พระองค์เจ้าข้า
หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป
ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ ”
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น
แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ ” “ เหตุฉะนั้น
แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส
เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้วเขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์มาเฝ้า

ท่านจึงสั่งให้จำหน่ายตั๋วกับทั้งเมียและลูกและบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้
เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้ ทาสลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า
‘ข้าแต่ท่านขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น’
เจ้าองค์นั้นมีพระทัยเมตตา
โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไปแต่ทาสผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งเป็นเพื่อนทาสด้วยกันซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเดนาริกัน
จึงจับคนนั้นบีบคอว่า ‘จงใช้หนี้ให้ข้า’
เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า ‘ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้ให้’
แต่เขาไม่ยอมจึงนำทาสลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้จนกว่าจะใช้เงินนั้น
ฝ่ายพวกเพื่อนทาสเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก
จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้าองค์นั่น
ท่านจึงทรงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า
‘อ้ายข้าชาติชั่วเราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา
เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเอ็งมิใช่หรือ’
แล้วเจ้าองค์นั้นกริ้วจึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมานจนกว่าจะใช้หนี้หมด
พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น
ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง ”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #26: 16 ก.ย. 07, 17:34 น


มัทธิว 6 : 14-15 (พระคริสตธรรมคัมภีร์)
เพราะว่า ถ้าท่านยกความผิดของเพื่อนมนุษย์
พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงโปรดยกความผิด ของท่านด้วย
แต่ถ้าท่านไม่ยกความผิดของเพื่อนมนุษย์
พระบิดาของท่านจะไม่ทรงโปรดยกความผิดของท่านเหมือนกัน

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #27: 30 ก.ย. 07, 12:10 น

"ต้นไม้และผล" มัทธิว 12 : 33-37 (
พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
"พึงกล่าวอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน โอชาติงูร้าย
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา
คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น
มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้
หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า"
( " ผู้กล่าวคำโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี " )
( วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล )
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #28: 30 ก.ย. 07, 12:11 น

ผลของพระวิญญาณและการงานของเนื้อหนัง (กาลาเทีย 5:16-26
พระคริสตธรรมคัมภีร์)
แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า
จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณอย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง
เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณและพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนังเพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน
ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้
แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็จะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก
การลามก การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน
การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง
การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า
การเล่นเป็นพาลเกเร
และการอื่นๆในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน
บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า
คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข
ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม
การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยากและตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว
ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย
เราอย่าถือตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉาริษยากันเลย

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #29: 30 ก.ย. 07, 12:12 น


*เพื่อนที่ดีที่สุด คือ พระเยซูคริสต์*
“พระเยซูทรงรักเรา ทรงปรารถนาให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์”
(พระเยซูเป็นความรักไม่มีเงื่อนไข)
“สรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร สรรเสริญพระเจ้าเหล่าประชากร
สรรเสริญองค์พระบิดา พระบุตร สรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธ์ อาเมน”

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #30: 30 ก.ย. 07, 12:14 น


*ข้อคิดเตือนสติครับ*
“การโกหก” เป็นการเพาะเชื้อชั่วร้าย.....พัฒนาไปสู่การทำ บาป

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #31: 30 ก.ย. 07, 12:15 น


*การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ*
*พระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของการให้*
(พระเยซูเป็นผู้สร้าง + ผู้ไถ่ + ผู้ช่วย + ผู้พิพากษา)

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #32: 30 ก.ย. 07, 12:17 น

*อ่านเพื่อให้กำลังใจตนเองครับ*
ชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้ทุกลมหายใจ
ให้เราลืมสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต
เราทุกคนล้วนมีด้านไม่ดีแล้วก็ด้านดีอยู่ในตัวด้วย.....
ชีวิตมีค่าที่จะอยู่ต่อเพื่อทำความดี
เราต้องสืบทอดความดีต่อไป
บอกกับตัวเองว่า “สิ่งที่ไม่ดี” จะไม่มีวันชนะเสมอไป.....

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #33: 30 ก.ย. 07, 12:19 น


“ข้อคิดแด่คนสู้ชีวิตครับ”
ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คือ
บทเรียนที่มีแบบทดสอบเสมอและพระเจ้าจะทรงใช้อุปสรรคแห่งชีวิตเพื่อช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้า

*ทุกๆอุปสรรค์ที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดี
ขึ้น.....ให้กับเรา*
*JESUS LOVE YOU*

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #34: 30 ก.ย. 07, 12:21 น

*น้ำพริกกับผักเคียง ช่วยเลี่ยงได้หลายโรค*
พูดถึง “น้ำพริก” คนไทยต้องรู้จักเป็นอย่างดี
แม้ว่าแต่ละภาคอาจจะเรียกชื่อแตกต่างกันไปบ้าง เช่น ภาคใต้เรียก “น้ำชุบ”
ภาคอีสาน มี “ป่น” “แจ่ว” แต่ไม่ว่าจะเรียกชื่อต่างกันแค่ไหน
ส่วนประกอบหลักๆของน้ำพริกมีคล้ายคลึงกัน
แถมยังต้องกินกับผักเคียงหลากหลายชนิดที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการและป้องกันโรคภัยต่างๆได้ด้วย
สมุนไพรที่อยู่ในถ้วยน้ำพริกนั้น ประกอบด้วยพริก กระเทียมและหอมแดง
ซึ่งแต่ละอย่างก็มีสรรพคุณป้องกันได้หลายแบบ
เอกสารเผยแพร่ของศูนย์ประสานงานการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลสมุนไพรแต่ละตัวไว้ว่า
พริก มีรสชาติเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
ทำให้เจริญอาหาร ขับลม แก้หวัด แก้ภูมิแพ้
งานวิจัยพบว่าในพริกมีสารแคปไซซิน ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
รวมทั้งฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
กระเทียม มีสาร “อัลลิซิน” กลิ่นฉุน มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต
ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด
ลดการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
หอมแดง มีสาร “เคอร์ซิทิน” ช่วยทำความสะอาดเส้นเลือด
ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน
นอกจากนี้ สมุนไพรที่เป็นเครื่องเคียงกินกับน้ำพริก เช่น สายบัว
บัวบก ผักกระเฉด ผักกูด ผักหนามยังมีสารประกอบที่ฝรั่งเรียกว่า
“ไฟโตเคมีคอลล์” มีฤทธิ์ในการป้องกันโรคร้ายต่างๆเช่น คลอโรฟิลล์
ฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์
เมื่ออยู่ในผักจะออกฤทธิ์ช่วยกันเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
เพิ่มภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ
ในผักยังมีเส้นใยอาหาร หรือที่เรียกว่าไฟเบอร์นั้น
ก็ยังมีประโยชน์อีกนั่นคือเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยคุมระดับไขมันและระดับน้ำตาลในเลือด
ส่วนเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
ลดโอกาสเสี่ยงการเป็นริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่

ทั้งหมดที่ว่ามาแสดงว่าสมุนไพรในหนึ่งถ้วยน้ำพริกนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเหลือหลาย
นอกจากความแซบอันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป
แล้วอย่างนี้จะทิ้งน้ำพริกไปหาอาหารฝรั่งกันได้ลงคอเชียวหรือ.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #35: 7 ต.ค. 07, 11:16 น


หนุ่มไทย-จีน ต้องการหาเพื่อนหญิงที่นิสัยดีเป็นกุลสตรีไทยครับ
ยินดีต้อนรับผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวเท่านั้นนะครับ.....เคยมีคนบอกผมว่า
มาหาผู้หญิงกุลสตรีในนี้ ไม่มีวันหาเจอหรอก!!!!! แต่ผมไม่เชื่อครับ
เพราะขนาดกรุงศรีฯ แตก 2 ครั้ง ยังมีคนดีแห่งกรุงศรีฯ มาช่วยเอกราชได้
(หวังว่าในนี้คงมิอับจนผู้หญิงดีๆนะครับ)
ความสวยงามน่ารักของคนเรานั้น...
มิได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาอย่างเดียว...
แต่ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนผู้นั้นต่างหาก...
คนที่มีอุปนิสัยดีเลิศ...
จะเป็นหนุ่มสาวที่สวยงามเป็นนิจนิรันดร์...

อ่านหนังสือแม้เพียงน้อยนิด หากรู้จักคิดย่อมดีกว่าอ่านได้มากแต่ไม่คิด
เราไม่ใช่ผู้วิเศษที่ดีพร้อมทุกอย่างแค่อยากเป็นคนดีแก้ไขมากกว่า
คนจัณไรแก้ตัว เราเป็นคนสนุกสนานแฝงด้วยปรัชญาและขี้เล่นเฮฮา ตรงไปตรงมา
สิ่งเล็กน้อยก่อให้เกิดความสมบูรณ์
ความสมบูรณ์ไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยเลยเพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามสิ่งที่คิดว่ามันเล็กน้อยนะครับ
< คนเราเลือกที่จะจดจำต่างกัน > <
การไม่แก้ไขความผิดพลาดคือความผิดที่แท้จริง > <
จุดที่เล็กที่สุดของสังคมแต่สำคัญที่สุดในโลก....ครอบครัว. >
[ความสำเร็จต้องลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูด]
"ต้นไม้และผล" มัทธิว 12 : 33-37 (
พระคริสตธรรมคัมภีร์ )
"พึงกล่าวอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน โอชาติงูร้าย
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา
คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น
มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้
หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า"
( " ผู้กล่าวคำโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี " )
( วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล )
( ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน )
ผมชื่อเล็กครับ ผมเป็นคริสเตียนเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกครับ
*ผู้หญิงนิสัยดีผมยินดีต้อนรับครับ ผู้หญิงโกหกได้โปรดอย่ามาน่ะครับ*

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #36: 7 ต.ค. 07, 11:45 น

*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
ควรตระหนักว่าภรรยาไม่ใช่ผู้ปรนนิบัติรับใช้สามี
แท้จริงแล้วสามีภรรยาควรเอาใจใส่ดูแลกันและกันอย่างดีที่สุดย่อมดีกว่า



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
ไม่มีอะไรทำให้ภรรยาปวดร้าวใจมากเท่าการค้นพบว่าสามีมีหญิงอื่นในหัวใจ



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
รักเดียว ใจเดียว ไม่ใช่เรื่องเชยแต่เป็นเรื่องดีที่สามีทุกคนในโลกควรกระทำ



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิดไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีแต่เป็นศักดิ์ศรีของสามีที่แท้จริง



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
ไม่ควรมองว่างานดูแลบ้านเป็นความรับผิดชอบของภรรยา
สามีควรมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถเสมอ



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
สรีระรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปของภรรยาไม่ควรเป็นเหตุให้ความรักในหัวใจของสามีจืดจางลงแม้แต่น้อย



*ข้อคิดเพื่อสุภาพบุรุษที่อยากจะเป็นสามีที่ดี*
ควรระลึกอยู่เสมอว่า การนำครอบครัวนั้น คือ
การนำโดยเห็นผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลักไม่ใช่เพื่อความสุขความพึงพอใจของตนเอง

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #37: 7 ต.ค. 07, 11:54 น



*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
การให้สามีเป็นผู้นำครอบครัว
ไม่ได้หมายความว่าภรรยาจะต้องสนับสนุนการตัดสินใจทุกเรื่องของสามี
ภรรยาควรคัดค้านโต้แย้งเมื่อสามีจะตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องทั้งนี้มิใช่ด้วยท่าทีที่หยิ่งหรือกระด้างกระเดื่องแต่ด้วยท่าทีที่สุภาพอ่อนน้อมเสมอ




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ภรรยาควรเอาใจใส่ดูแลบุคลิกภาพของตนตามสมควรเสมอ
การปล่อยตัวให้ทรุดโทรมไม่น่าดู
อาจเป็นเหตุให้ชีวิตคู่แห้งเ(ขออภัยค่ะ! คำนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ)่ยวอับเฉาโดยไม่จำเป็น




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ความขี้หึงหนึ่ง ความฉุนเฉียวหนึ่ง การปากร้ายปากจัดหนึ่ง
และการจู้จี้ขี้บ่นอีกหนึ่ง ไม่พึงมีในหญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาเลยแม้แต่น้อย




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ภรรยาที่ดีควรสนับสนุนสามีให้ก้าวไกลในชีวิตไม่ใช่ดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่
หรือถอยหลัง




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ภรรยาที่ดีควรมีส่วนช่วยอุดรูรั่ว
หรือเสริมจุดอ่อนของสามีแต่ไม่ใช่เข้าไปก้าวก่ายจนสร้างความลำบากในการทำงานให้กับสามี




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ภรรยาที่ดีไม่ควรใช้วิธีการบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สามีตัดสินใจตามความคิดของตน




*ข้อคิดเพื่อสุภาพสตรีที่อยากจะเป็นภรรยาที่ดี*
ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน สามีต้องการภรรยาที่สงบนิ่งช่วยกันคิดหาทางออก
ไม่ใช่ภรรยาที่เอาแต่โวยวายตีโพยตีพาย
หรือร้องไห้ฟูมฟายโดยปล่อยให้เขาต้องแบกภาระหนักอึ้งเพียงลำพัง

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #38: 7 ต.ค. 07, 12:00 น


งานบ้าน” เป็นตัวช่วยที่ดี
ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้
งานวิจัยที่ศึกษาข้อมูลในระดับนานาชาติพบว่า การให้ร่างกายได้ออกกำลัง
แอคทีฟอยู่เสมอ
สามารถลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์ข้อมูลของบุคคล 413,000 ราย ในประเทศยุโรป 10
ประเทศและพบว่าคนที่มีกิจกรรมทางกายกระฉับกระเฉงสามารถลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวได้ถึง
22 เปอร์เซ็นต์
การศึกษายังพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดก้อนเนื้อมักเกิดที่ด้านขวาของลำไส้นั้นลดลงถึง
35 เปอร์เซนต์ สำหรับคนออกกำลังส่วนใหญ่
และในกลุ่มที่น้ำหนักไม่เกินพิกัดปัจจัยเสี่ยงก็ยิ่งลดลงไปอีกมาก
ดร.เลสลีย์ วอล์คเกอร์ จากองค์การการกุศล แคนเซอร์
รีเสิร์ชยูเค หนึ่งในผู้สนับสนุนการวิจัย กล่าวว่า
ครั้งนี้นับเป็นการศึกษาขนาดใหญ่มากที่จะช่วยขจัดความสงสัยเกี่ยวกับประโยชน์ของการออกกำลังกับการลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้

“นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่คนเราควรเข้าใจว่าพวกเขาสามารถจะนำเอากิจกรรมในชีวิตประจำวันเข้ามาช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งด้วย

คุณไม่จำเป็นต้องไปออกกำลังกายที่โรงยิมก็ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายได้”
ถ้าหากไม่ชอบเดินเร็ว หรือวิ่ง
การทำงานบ้านอย่างที่ต้องออกแรงมากๆ ก็ช่วยได้ เช่น เช็ดกระจก ดูดฝุ่น
ขัดพื้น ทำสวน และล้างรถพร้อมกันนั้นควรจะกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะด้วย

เพื่อช่วยรักษาน้ำหนักร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ลง
การศึกษาครั้งนี้ตีพิมพ์ในวารสารด้านระบาดวิทยามะเร็ง “แคนเซอร์
เอพิเดโมโลยี แอนด์ไบโอมาร์เคอส์ พรีเวนชั่น”.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #39: 7 ต.ค. 07, 12:04 น


อย่ามองข้าม “อาหารเช้า” มื้อสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังคุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเช้ากันมาบ้างแล้ว
แต่ก็ยังติดนิสัยชอบงดอาหารมื้อแรกของวันอยู่เป็นประจำ

วันนี้ลองหันมาทบทวนกันสักนิดดีกว่าว่างานศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เขาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าไว้อย่างไรบ้าง
เผื่อจะได้กลับมาคิดใหม่ว่าต้องเปลี่ยนนิสัยกันเสียที
จากข้อมูลของศูนย์การแพทย์รัทแลนด์ เรจินัล
เมดิคอลเซ็นเตอร์ในเวอร์มอนต์ที่สหรัฐฯ
สรุปได้ว่าอาหารเช้านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถช่วยให้เราจัดการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย
ได้ยินอย่างนี้แล้วพวกที่อยากควบคุมน้ำหนักต้องหูผึ่งแน่
ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า
*อาหารเช้ามีส่วนเชื่อมโยงทำให้มวลกายต่ำ (หรือน้ำหนักลด)
ลงกว่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่งดอาหารเช้า

*อาหารเช้าช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคอ้วนลงพุงและภาวะตอบสนองต่ออินซูลินลดลง

*อาหารเช้ายังเป็นหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมการลดน้ำหนักได้ในระยะยาว
*สำหรับเด็กวัยเรียน
อาหารเช้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าทำให้ได้เกรดดีและมีพฤติกรรมที่ดี
เห็นมั้ยล่ะว่าอาหารเช้ามีข้อดีตั้งหลายอย่าง
แล้วยังจะทิ้งอาหารเช้ากันลงคออีกหรือ.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #40: 14 ต.ค. 07, 11:09 น


10 หนทางส่งเสริมเด็กสุขภาพดี ( รู้ไวไขชีวิต )
การได้เห็นเด็กๆมีสุขภาพดี
ย่อมเป็นสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองปรารถนา
แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยปัจจัยหลายประการในการช่วยส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นเดินไปบนหนทางสุขภาพได้เช่นกัน

เว็บไซต์ www.americanheart.org
ของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน กระซิบบอก 10
หนทางนำลูกหลานของคุณไปสู่นิสัยสุขภาพดี ดังต่อไปนี้
1. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นตัวแบบที่ดี
หากผู้ใหญ่มีนิสัยทางสุขภาพที่ดีก็จะเป็นการง่ายที่จะชักชวนให้เด็กทำตาม
2. ควรจะให้ครอบครัวมีกิจกรรมแอ็กทีฟร่วมกัน
วางแผนการใช้เวลาของแต่ละคนให้สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ เช่น ไปเดินเล่น
ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ทำสวนด้วยกัน
ทุกคนก็จะได้ประโยชน์จากการออกกำลังและยังได้ใช้เวลาร่วมกันด้วย

3. ต้องจำกัดเวลาในการดูโทรทัศน์
เล่นวีดีโอเกมและการใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์
เนื่องจากกิจกรรมแบบนี้จะทำให้นั่งอยู่กับที่และมักคว้าขนมขบเคี้ยวเข้าปากมากเกินไป
อันจะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการลงพุงและเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ในที่สุด
4. พยายามสนับสนุนเด็กๆให้มีกิจกรรมออกกำลังกายที่เด็กรู้สึกสนุกจริงๆ
ลองให้เด็กทดลองกิจกรรมที่ต่างกัน เพื่อจะได้รู้ว่ารักชอบที่จะเล่นอะไร
เขาจะได้เล่นกับสิ่งนั้นได้นาน
5. ผู้ใหญ่ควรเป็นผู้สนับสนุน หมั่นสนับสนุนยกย่องกิจกรรมที่เด็กทำ
แทนที่จะตำหนิอย่างเดียว
6. กำหนดเป้าหมายและจำกัดเวลาสำหรับการทำกิจกรรม เช่น
ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง
7. อย่าให้รางวัลเด็กด้วยอาหาร
ลูกอมและของขบเคี้ยวเป็นรางวัลที่จะไปสร้างเสริมนิสัยสุขภาพที่ไม่ดี
ควรให้รางวัลด้วยวิธีอื่นดีกว่า
8. ลองทำให้เวลาอาหารมื้อค่ำเป็นเวลาสำหรับครอบครัว
เมื่อทุกคนในบ้านนั่งลงกินข้าวด้วยกันเด็กๆก็จะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย
แทนที่จะกินแต่ขนม หรืออาจชวนให้เด็กมาร่วมทำอาหารด้วยก็ได้
9. เล่นเกมอ่านฉลากอาหาร
เกมนี้จะช่วยให้ทั้งครอบครัวได้เรียนรู้ร่วมกันว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
และตระหนักถึงเรื่องอาหารการกินมากขึ้น
10. พ่อแม่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมให้เด็กเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้น
เช่น ให้เด็กรู้จักเลือกอาหารที่มีประโยชน์ที่โรงเรียน เป็นต้น.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #41: 14 ต.ค. 07, 11:17 น


ถ้าเลี้ยงลูกโดยการจับผิด เขาจะสถิตความล้มเหลว
ถ้าเลี้ยงลูกโดยไม่เป็นมิตร เขาจะติดนิสัยต่อต้าน
ถ้าเลี้ยงลูกโดยการเย้ยหยัน เขาจะหวั่นกลัวและขี้ขลาด
ถ้าเลี้ยงลูกโดยให้อับอาย เขาจะเป็นคนที่รู้สึกว่าทำผิด
ถ้าเลี้ยงลูกโดยความมานะ เขาจะไม่ละความอดทน
ถ้าเลี้ยงลูกโดยให้กำลังใจ เขาจะเลื่อมใสในความเชื่อมั่น
ถ้าเลี้ยงลูกโดยให้สรรเสริญ เขาจะไม่เมินบุญคุณคน
ถ้าเลี้ยงลูกโดยเสมอภาค เขาจะมีรากฐานยุติธรรม
ถ้าเลี้ยงลูกโดยให้ปลอดภัย เขาจะปลอดภัยและซื่อสัตย์
ถ้าเลี้ยงลูกโดยมีเหตุผล เขาจะรู้คุณค่าของตน
ถ้าเลี้ยงลูกโดยการเป็นมิตร เขาจะมีจิตใจรักคนทั้งโลก

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #42: 14 ต.ค. 07, 11:22 น


อย่าหลงลมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
กินแทนก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกงไม่ได้
เตือนคนไทยยุคใหม่หันไปพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบรรจุแคปซูล
นอกจากราคาแพงไม่คุ้มค่ายังเสี่ยงต่อการถูกหลอกและเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้
แนะดูแลสุขภาพกินอาหารครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายทุกวันดีกว่า
นายสง่า ดามาพงษ์
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้หญิงที่กลัวอ้วน
กลัวแก่
ว่าประชาชนควรตระหนักถึงคำเตือนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ให้มากเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง
ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตจาก อย. ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะการอวดอ้างว่าสามารถรักษาโรคได้สารพัดโรคนั้น ล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น
เพราะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร
จัดอยู่ในกลุ่มของอาหารไม่ใช่ยาที่จะใช้ในการรักษาโรคได้
ขอเตือนว่าการกินผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่ไม่ได้ขออนุญาตจาก อย.
มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้
ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรงจนเสียชีวิตได้
และเกิดผลกระทบได้กับทุกระบบของร่างกาย รวมทั้งทุกกลุ่มอายุด้วย
“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นการกินเสริมอาหารมื้อหลัก
ไม่สามารถกินทดแทนอาหารหลักได้ การกินอาหารเสริม 1 เม็ด 1 แคปซูล หรือ
1 ขวด ไม่สามารถกินทดแทนข้าวราดแกงไข่ต้ม หรือก๋วยเตี๋ยว 1 ชามได้
เพราะให้สารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแถมราคาก็แพงกว่ามาก”
นายสง่ากล่าว.

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #43: 14 ต.ค. 07, 11:27 น


*การทำความรู้จักใครสักคน ไม่ใช่การเสียเวลา*

Tags:
add
ตอบโดยอ้างถึงข้อความอ้างถึง
Re : *ชีวิต + ความจริง + ความรัก = คืออะไร?*
        ความคิดเห็นที่ #44: 14 ต.ค. 07, 11:31 น


*การแยกจากกันในยามทุกข์ มันไม่ใช่ความรัก
“รัก” คือ การร่วมทุกข์ร่วมสุข เดินเคียงข้างกัน*

Tags:
Tags:  

หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา


[เพิ่มเติม]
ขอความร่วมมือท่านสมาชิก และผู้ใช้บริการเว็บบอร์ด
ห้ามมิให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาและภาพของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ: พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
:  
ทางสนุก! จะทำการตรวจสอบ
และขออนุญาตไม่แสดงข้อความ
ที่ไม่เหมาะสม ข้อความที่
ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่
สถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ รวมถึงข้อความที่
เข้าข่ายหลอกลวง การเผยแพร่
ภาพลามกอนาจาร หรือข้อความ
ใดๆ ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความ
เสียหาย บนกระทู้นี้