กรมชลประทาน เปิดเวทีเสวนา 'ได้' หรือ 'เสีย' เปิดทุกมุมมอง ตอบทุกประเด็นโครงการผันน้ำยวมหวังเป็นเวทีกลางเปิดกว้างพร้อมรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะ จากทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากสาขา ตัวแทนจากภาคเกษตรกร พร้อมเปิด การถ่ายทอดผ่านช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนสามารถร่วมรับชมได้อย่างทั่วถึง
กรมชลประทาน จัดงานเสวนา 'ได้' หรือ 'เสีย' เปิดทุกมุมมอง ตอบทุกประเด็น โครงการผันน้ำ ณ หอประชุมชูชาติ กำภู สถาบันพัฒนาการชลประทาน กรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็น เวทีกลางในการสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล หรือโครงการผันน้ำยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่าจะสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยอย่างไร รวมทั้งยังเป็นเวทีในการรับฟัง ความคิดเห็นของ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมทั้งได้มีการตอบข้อห่วงกังวลต่างๆ ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เพื่อได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนและถูกต้อง โดยมีการ ถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ให้ประชาชน สามารถร่วมรับชมได้อย่างทั่วถึง
โดยในเวทีเสวนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และตัวแทนภาคเกษตรกรมาร่วม ให้ความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมอง เกี่ยวกับโครงการนี้ ได้แก่ รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต, รศ.ดร. บัญชา ขวัญยืน อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ.ดร. เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยและพัฒนาบูรณาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร, คุณพรชัย กันสิทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพื้นที่เฉพาะและโครงการสำคัญ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และนายศรชัย สิบหย่อม ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
รศ.ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) กล่าวว่า มีการคาดการว่าอีก 3 - 4 ปีข้างหน้าจะเกิดวิกฤตภัยแล้งต่อเนื่องหลายปี แล้วมี โอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่ เราต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้น ซึ่งโครงการผันน้ำยวม ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางรับมือจัดการ แต่สุดท้ายต้องกลับมาดูว่าผลผลิตทางการเกษตรที่ได้จากโครงการดังกล่าว ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้คุ้มค่า กับการลงทุนมากที่สุด เราต้องมีมาตรการที่จะรองรับความผันผวน ของสภาพภูมิอากาศในอนาคต และจะต้องมีการเตรียมตัวเพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้โครงการผันน้ำจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
คุณพรชัย กันสิทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพื้นที่เฉพาะและโครงการสำคัญ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงนโยบายในการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยว่า เฉลี่ยในแต่ละปี มีการเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 8.2 หมื่นล้าน ลบ. ม. หรือเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำในแต่ละปี แต่ความต้องการ ใช้น้ำจริงมีมากกว่านั้น ทำให้มีการขาดแคลนน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา การบริหารจัดการน้ำ ในช่วงที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าหลายปี โดยการ ผันน้ำข้ามลุ่มเป็นอีกนโยบายที่จะช่วยให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านน้ำ