หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ไหว้พระขอพร พร้อมชมวังหิ่งห้อยUNSEENท่องเที่ยวแห่งใหม่มาแรง สุพรรณบุรี สายมู  (อ่าน 29 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 5 ก.พ. 23, 13:51 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

เนื่องในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ หลายท่านคงยังไม่มีแพลนการไปท่องเที่ยวไหน อาจจะด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ หรือ ไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวอะไรที่ไกลๆ จากพื้นที่ตัวเองมากนัก วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี แหล่งท่องเที่ยวภาคกลางที่มีสถานที่ท่องเที่ยว มากมายที่โด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะวัดวาอารามต่างๆ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำต่างๆ หรือ สวนสัตว์ มีบึงพักผ่อนขนาดใหญ่ก็มี แต่ที่เราจะแนะนำในวันนี้ถือเป็น UNSEEN New Series แห่งใหม่เลยก็ว่าได้ที่พิกัดที่นี้คือ วัดพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เนื้อโลหะหน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 10 เมตร ซึ่งมีความเป็นมาตามคำบอกเล่าของท่านพระครูสิริกิตติคุณ เจ้าอาวาสวัดสังฆจายเถร เจ้าคณะตำบลสระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าทางวัดได้จัดสร้างพระสังกัจจายน์ (องค์ใหญ่) เนื้อโลหะหน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 10 เมตร โดยได้สร้างพระสังกัจจายน์จำลองอยู่ด้านหน้าพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ เอาไว้ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ปิดทอง ซึ่งตามประวัติดั่งเดิมสมัยก่อนมีคนจีนมาทำนาและได้ขุดพบพระสังกัจจายน์ในบริเวณลานวัดแห่งนี้ จึงตั้งชื่อว่าวัดสังฆจายเถร ซึ่งเดิมชาวบ้านเรียกชื่อว่าวัดวังฆ้อง ตามชื่อหมู่บ้านว่าเป็นหมู่บ้านวังฆ้อง แต่เมื่อขุดพบพระสังกัจจายน์ สมัยกรุงศรีอยุธยาขึ้นมา จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดสังฆจายเถรสำหรับที่วัดพระสังกัจจายน์ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ ขอพรกันอีกมากมายหลายจุด เช่นรูปปั้นเหล่าเทวดา ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าแม่กวนอิม และยักษ์ จัดว่าสวยงามคนที่ชอบถ่ายรูปคงไม่พลาดเดินมาที่วิหารหลังนี้ที่อยู่ใกล้ๆ กัน มีลวดลายปูนปั้นทาด้วยสีทองสลับเงินดูละเอียดมาก ข้างในประดิษฐานองค์พระพุทธนฤมิต (หลวงพ่อดำ) ที่ร่ำลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ข้างกันเป็นรอยพระพุทธบาทจำลอง มีศิลปะยักษ์ พร้อมกันนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายให้ได้กราบไหว้กัน

ที่สำคัญนอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนอีกที่ ที่ต้องไม่พลาดเลย เพราะถือว่าเป็นแหล่งชมหิ่งห้อยที่เยอะที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นวังหิ่งห้อยนั้นคือ แม่น้ำท่าว้า โดยภายหลังจากเมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ทางด้าน ดร.อุดม โปร่งฟ้า พร้อมด้วย ดร.สุจิตรา ทรงมัจฉาที่ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เพื่อทำการพัฒนานั้น พบว่าที่แม่น้ำท่าหว้า ตำบลสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ถือเป็นแม่น้ำสายเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแต่ก่อนนั้นแม่น้ำท่าว้า ได้รับผลกระทบจากการปล่อยของเสียจากฟาร์มสุกรที่ชาวบ้านได้เลี้ยงไว้ในละแวกใกล้เคียง เป็นสาเหตุหลักทำให้น้ำเน่าเสีย แต่ปัจจุบันได้มีหน่วยงานเข้าไปพัฒนาให้ความรู้การกำจัดของเสียแก่ชาวบ้านที่เลี้ยงฟาร์มสุกร แนะนำแนวทางการกำจัดของเสียจนปัจจุบันไม่ได้ทิ้งน้ำเสียลงแม่น้ำแล้ว จึงทำให้แม่น้ำท่าว้ามีสภาพใสสะอาดขึ้นดีขึ้นมาก ทางกรมเจ้าท่าได้เข้าขุดลอกเพื่อคืนชีวิตคืนสภาพระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้แก่แม่น้ำท่าว้า และคาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในอนาคตต่อไปได้



จนปัจจุบัน แม่น้ำท่าว้า ใสสะอาดไร้มลพิษ ทำมีหิ่งห้อยมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากจะเปรียบเสมือน ก็จะคล้ายคลึงกับที่อัมพวา จังหวัดสุมทรสงคราม แต่ที่นี้แม่น้ำท่าว้าแห่งนี้ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์มากกว่าและมีหิ่งห้อยออกมาให้เห็นเป็นจำนวนมาก แตกต่างจากหิ่งห้อยที่อัมพวาซึ่งตอนนี้แทบจะไม่มีหิ่งห้อยให้เห็นแล้วนั้น ดังนั้นที่แม่น้ำท่าว้า จังหวัดสุพรรณบุรีจึง ควรค่าแก่การอนุรักษ์ยิ่งนัก จึงขอเชิญ นักท่องเที่ยวทุกท่านมาดูหิ่งห้อย ที่ถือว่าเป็น UNSEEN แห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรีเลยก็ได้ ซึ่งการันตีตลอดระยะทาง ระยะทาง 1 กิโลเมตรกว่าๆ ท่านจะพบหิ่งห้อย 4 ละเมาะ ตีว่ามากมายเลยจริงๆ ภายหลังจากการลงพื้นที่ไปพบว่ามีอยู่เป็นจำนวนมากจริงๆ และจะเร่งทำการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ดร.อุดม โปร่งฟ้า กล่าวว่า นับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ตนเชื่อมั่นว่าคนไทยทั้งประเทศและคนทั้งโลก จะหันมามอง อำเภอสวนแตง จังหวัดสุพรรณบุรี ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์มีความสวยงามทางธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาให้มนุษย์ ทั้งนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเจ้าของพื้นที่ ที่จะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว และเสียประโยชน์ ก็คือต้องเสียสละ เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติของระบบนิเวศ ดังนั้น ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่เคยเป็นอยู่มาอย่างไรก็แล้วแต่ คำว่า นิเวศ ไม่สามารถที่จะพัฒนาไปสู่ความเจริญแบบที่จะเป็นได้ เพราะบางจุดบางพื้นที่ที่พบมวลหิ่งห้อยในระยะทางประมาณ 1.5 กม. ของเส้นทางการล่องเรือ จะต้องเป็นระบบที่เราจะต้องรักษาระบบนิเวศของเขาไว้ จึงขอพี่น้องประชาชนมีความเข้าใจมีความเสียสละ “ในฐานะที่ตนเป็นตัวตั้งตัวตี เป็นผู้ริเริ่มที่จะทำเศรษฐกิจของภาพรวมของจังหวัดสุพรรณบุรีทั้งหมดในภาคกลางคืนฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว ทำพื้นที่ ต.สวนแตง ให้เป็นแหล่งดึงดูดเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรีให้ได้” ส่วนทางด้าน นายปริญญา เขมะชิต รอง ผวจ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ความคิดริเริ่มของ ดร.อุดม จะสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ดีของประเทศไทยต่อไปในอนาค ตนเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้แน่นอน.
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่แม่น้ำท่าว้าเที่ยวชมดูหิ่งห้อย ได้มีการบันทึกภาพความสวยงามนี้มาให้ทุกท่านได้เห็นกันก่อน ตามลิงค์นี้ https://fb.watch/in1eTCETPE
และอยากจะขอเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวทุกท่านได้ลองไปพิสูจน์และสัมผัสด้วยตาของท่านเองได้ที่ แม่น้ำท่าว้าจังหวัดสุพรรณบุรี




noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:  #สายมู#ไหว้พระ#ขอพร#จังหวัดสุพรรณบุรี#หิ่งห้อย  

หน้า: 1

 
ตอบ
ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:   Go
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม