พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังคำ้ประกันการชำระหนี้ ของสำนัก
งานกองทุนนำ้มันเชื้อเพลิง พ.ศ.2565 วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท ว่า “สาเหตุที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดฉบับนี้ จาก พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ พบว่า รัฐบาลมียอดหนี้ประมาณ 10,311,731.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.72 จึงต้องออกเพื่อให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลยังมีทางเลือกอื่นว่าจะบริหารแบบไหน เช่น การลดค่าการกลั่น หรือค่าการตลาด แต่กลับเลือกที่จะกู้แทน
ภาระเหล่านี้จะตกไปสู่ทั้งคนรุ่นนี้และในอนาคตได้ และหากสำนักงานกองทุนฯ ไม่สามารถชำระหนี้ให้กระทรวงการคลังได้ ท้ายที่สุดแล้วกระทรวงการคลัง จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน และนำภาษีพี่น้องประชาชนที่ได้มาเป็นตัวแบกรับแทน” นายณัฐวุฒิฯ กล่าวอีกว่า “ในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ มีคำหนึ่งคือคำว่า โชติช่วงชัชวาล นั่นหมายถึงว่าอนาคตความร่ำรวยจะเกิดแก่ประเทศไทย เพราะเรามีการขุดเจาะพบแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซเป็นจำนวนมาก แต่แท้จริงแล้วเราได้อะไรจากการพบแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซจำนวนมากหรือไม่ ได้ประโยชน์และความมั่งคั่งต่อพี่น้องประชาชนอย่างไร หรือเราจะต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า มืดมนอนธการ แทน”
นายณัฐวุฒิฯ จึงยกตัวอย่างในเรื่องดังกล่าวอีกว่า “การขุดค้นพบบ่อน้ำมันที่ จ.สุพรรณบุรี โดยใน 26 กรกฎาคม 2562 หลังจาก
เลือกตั้งได้สองเดือน ตนเองได้ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี ให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา เลขที่ 003 ร โดยนายกฯ ได้ตอบกลับมาเมื่อ 30 ตุลาคม 2562 ในราชกิจจานุเบกษาว่า ที่จ.สุพรรณ มีการขุดเจาะน้ำมันตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ถึง พ.ศ.2562 รวม ๆ แล้วกว่า 28 ปี โดยขุดเจาะน้ำมันในแหล่งอู่ทอง, สังกระจาย, บึงกระเทียม และหนองผักชี จัดสรรค่าภาคหลวงให้แก่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย
-อำเภอบางปลาม้า ต.มะขามล้ม, ต.วังน้ำเย็น, ต.วัดโบสถ์
-อำเภอเมือง ต.ดอนโพธิ์ทอง, เทศบาลตำบลท่าเสด็จ, เทศบาลตำบลบางกุ้ง, องค์การบริหารส่วนตำบลศาลาขาว, องค์การบริหารส่วนตำบลสวนแตง
-อำเภอสองพี่น้อง ต.บ่อสุพรรณ, ต.หัวโพธิ์
-อำเภออู่ทอง ต.เจดีย์, ต.ดอนคา, ต.พลับพลาไชย, ต.หนองโอ่ง
พื้นที่เหล่านี้มีแหล่งขุดเจาะถึงสามสิบกว่าปี แต่ไม่มีการพูดถึง และไม่ทราบถึงประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับ เช่น ที่หัวโพ ชาวบ้านชี้แจงว่า การขุดเจาะบ่อน้ำมันทำให้ชาวบ้านเกิดความเสียหายและลำบากมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟในยามค่ำคืน ส่งผลให้ข้าวไม่ออกรวง เป็ดและไก่ออกไข่จำนวนลดลง มีการปนเปื้อนของน้ำมันลงมาในสิ่งแวดล้อม อากาศเป็นพิษทำให้สุขภาพเสียหาย ถนนได้รับความเสียหาย อยากให้นำกลับคืนไป” สุดท้ายนายณัฐวุฒิได้ทิ้งท้ายไว้อีกว่า “ในปีนี้ กระทรวงพลังงานจะมอบของขวัญให้ประชาชนด้วยการจะลดค่ากระแสไฟฟ้า แต่ไปเพิ่มเงินให้กับโรงงานไฟฟ้าแทน คำถามคือ นี่หรือคือการทำเพื่อพี่น้องประชาชน”
ปัญหาใหญ่มากสำหรับกรณีดังกล่าว นอกจากจะทำให้ชาวบ้านขาดแคลนรายได้จากผลผลิตที่ควรจะได้รับ มิหนำซ้ำยังทำให้เสี่ยงต่อสุขภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีการปนเปื้อนและอากาศที่เป็นมลพิษ รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย รัฐบาลควรต้องเร่งแก้ไขปัญหา ไม่เอื้อต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เดือดร้อนคือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน