
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดเผยว่า จีนจะต้องดำเนินการพัฒนาคุณภาพสูงเป็นอันดับแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อสร้างความทันสมัยให้กับจีน และคาดว่าเศรษฐกิจของจีนจะได้รับแรงผลักดันจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งครั้งใหม่อันเป็นผลมาจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20
สื่อตะวันตกบางแห่งปล่อยข่าวปลอมเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ตั้งแต่ราย
งานว่าเงินทุนต่างชาติไหลออกจากจีน อ้างว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงกล่าวโทษว่าจีนทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกสั่นคลอน
ความจริงก็คือเศรษฐกิจจีนได้เปลี่ยนจากการเติบโตเชิงปริมาณเป็นการเติบโตเชิงคุณภาพ ได้เห็นความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์และมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจโลกอย่างมาก โดยจีนจะทุ่มเทให้กับการสร้างเศรษฐกิจแบบเปิดที่ทันสมัยและมีมาตรฐานสูงกว่าเดิมในอีกห้าปีข้างหน้า
จากปริมาณสู่คุณภาพ
จีนได้ส่งเสริมรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่เรียกว่ายุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) แบบเปิด ซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกับใช้กลยุทธ์การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและส่งเสริมอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์เกิดใหม่
จีนได้สร้างความก้าวหน้าสำคัญในด้านเทคโนโลยีหลักในสาขาสำคัญ ๆ รวมถึงยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม การสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคาร ยานสำรวจใต้ท้องทะเลลึกและใต้พื้นโลก ซูเปอร์
คอมพิวเตอร์ การนำทางด้วยดาวเทียม ข้อมูลควอนตัม เทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ การผลิตเครื่องบิน และชีวการแพทย์
จีนก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักนวัตกรรมทั่วโลก เช่น การคิดค้นเหล็กกล้า "ที่ใช้มือฉีกได้" ครั้งแรกของโลก ที่บางเพียง 0.02 มม. ซึ่งมีส่วนสำคัญในการยกระดับการผลิตระดับไฮเอนด์ โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายใน
โทรศัพท์มือถือแบบพับได้ จอแสดงผลแบบยืดหยุ่น และแบตเตอรี่
นอกจากนี้ จีนยังได้พัฒนามาตรฐานสากลสองมาตรฐานสำหรับการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟความเร็วสูงและการจ่ายไฟ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยสหภาพรถไฟระหว่างประเทศ (International Union of Railways หรือ UIC) มาตรฐานทั้งสองนี้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของจีนในการส่งเสริมมาตรฐานรถไฟความเร็วสูงให้เป็นสากล
ขณะเดียวกัน จีนได้สร้างเครื่องเจาะอุโมงค์ (TBM) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสามารถใช้สร้างโครงการด้านการขนส่งขนาดใหญ่ โดยมีการส่งออกไปยังกว่า 30 ประเทศและดินแดน ด้วยมูลค่าของสัญญาที่ลงนามใหม่เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบรายปี ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
การผลิตและการขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนมียอดขายสูงสุดทั่วโลกเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2558 โดยแบรนด์จีนครองอันดับรถ NEV ที่ขายดีที่สุดของโลกถึง 6 จาก 10 อันดับแรกในปี 2564 นอกจากนี้ ในบริษัท 10 อันดับแรกที่จัดส่งแบตเตอรี่มากที่สุด มีถึง 6 แห่งที่เป็นบริษัทจีน
จีนยังมีเครือข่าย 5G ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ใช้ 5G ของจีนมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของทั้งหมดทั่วโลก และในปี 2564 หุ่นยนต์อุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 44.9% เมื่อเทียบรายปี
เศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีการเติบโตในเชิงบวกด้วยศักยภาพที่ยอดเยี่ยมและความยืดหยุ่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งยังคงดึงดูดเงินทุนต่างชาติ และยังเป็นผู้นำในการสร้างเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานโลกในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนเติบโตขึ้นจาก 54 ล้านล้านหยวน (ราว 7.5 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2555 สู่ระดับ 114 ล้านล้านหยวน (ราว 15.8 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2564 โดยคิดเป็นสัดส่วน 18.5% ของเศรษฐกิจโลก เพิ่มขึ้น 7.2 จุดเปอร์เซ็นต์ โดยจีนยังคงเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนมีส่วนในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเฉลี่ยกว่า 30% ซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก
การบริโภคได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยคิดเป็น 65.4% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2564 ซึ่งสูงกว่าในปี 2555 ถึง 10 จุดเปอร์เซ็นต์ จีนกลายเป็นตลาดค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นเวลา 9 ปีติดต่อกันโดยมีประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคนและกลุ่มรายได้ปานกลางประมาณ 400 ล้านคน
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่
https://www.thaipr.net/general/3255789