สถานีอวกาศ Starlab เป็นแกนหลักในโครงการ Commercial Low-Earth Orbit Destinations ของ NASA ขณะที่เศรษฐกิจอวกาศยังคงเติบโตต่อเนื่อง
Nanoracks ร่วมกับ Voyager Space และ Lockheed Martin [NYSE: LMT] คว้าสัญญามูลค่า 160 ล้านดอลลาร์จาก NASA เพื่อออกแบบสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ Starlab ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Commercial Low-Earth Orbit (LEO) Destination สถานีอวกาศ Starlab จะช่วยให้โครงการของ NASA นี้มีบทบาทกระตุ้นเศรษฐกิจอวกาศเชิงพาณิชย์ ตลอดจนให้การสนับสนุนทางด้านวิทยาศาสตร์และลูกเรือ ก่อนที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) จะปลดประจำการ
ดร. Amela Wilson ซีอีโอของ Nanoracks กล่าวว่า "แม้วันนี้จะถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของ Nanoracks และทีมงาน Starlab ของเรา แต่ผลกระทบนั้นไปไกลเกินกว่าตัวสัญญานี้" พร้อมเสริมว่า "การได้รับการสนับสนุนจาก NASA พิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างหนักของ Nanoracks นานนับทศวรรษในการเข้าถึงอวกาศในเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่งสินค้าบรรทุกเชิงพาณิชย์กว่า 1300 รายการจาก 30 ประเทศไปยัง ISS โอกาสนี้เปิดความเป็นไปได้อีกมากมายสำหรับการวิจัยที่สำคัญและกิจกรรมอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ใน LEO เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ผู้คว้าสัญญาเพื่อทำงานร่วมกับ NASA และเราต่างตั้งตารอที่จะนำฐานลูกค้าเชิงพาณิชย์ทั่วโลกที่มีอยู่ของเรามาให้ Starlab"
สัญญามูลค่า 160 ล้านดอลลาร์สำหรับ Nanoracks ดำเนินการผ่านข้อตกลงกฎหมายอวกาศที่ได้รับทุนสนับสนุนจนถึงปี 2568 เงินทุนเบื้องต้นจาก NASA นี้จะเสริมด้วยโอกาสในการซื้อล่วงหน้าของลูกค้าและความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน สถานีอวกาศ Starlab ซึ่ง Nanoracks เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ มีแผนที่จะบรรลุขีดความสามารถในการดำเนินงานขั้นต้นในปี 2570 ซึ่งจะรองรับบุคลากรจากหน่วยงานสหรัฐใน LEO อย่างต่อเนื่อง โดย NASA จะซื้อบริการลูกเรือและน้ำหนักบรรทุกบนสถานีอวกาศ Starlab ได้ผ่านสัญญาบริการแยกต่างหากกับ Nanoracks
Nanoracks สั่งสมประสบการณ์เชิงพาณิชย์ที่ไม่มีใครเสมอเหมือนเกี่ยวกับ ISS และเมื่อผนวกรวมเข้ากับกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อนและความเชี่ยวชาญในการบูรณาการการดำเนินงานของ Voyager Space ประกอบกับความรู้ด้านวิศวกรรมและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของ Lockheed Martin แล้ว ทีมงาน Starlab จึงมีโปรแกรมอันเหนือชั้นสำหรับอนาคตของการให้บริการ LEO ในเชิงพาณิชย์
สำหรับองค์ประกอบพื้นฐานของสถานีอวกาศ Starlab ประกอบด้วยที่พักแบบขยายใหญ่ได้ ซึ่งออกแบบและสร้างโดย Lockheed Martin ไปจนถึงจุดเชื่อมต่อทำจากโลหะที่เชื่อมยานอวกาศเข้ากับสถานีอวกาศ ระบบส่งกำลังและขับเคลื่อน แขนหุ่นยนต์ขนาดใหญ่สำหรับบริการขนส่งสินค้าและน้ำหนักบรรทุก และอุทยานวิทยาศาสตร์ George Washington Carver (GWC) ซึ่งเป็นระบบห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย เพื่อรองรับการวิจัย การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการผลิตอย่างครอบคลุม Starlab จะรองรับนักบินอวกาศได้สูงสุด 4 คน เพื่อดำเนินการด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่สำคัญ
คุณ Lisa Callahan รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอวกาศพลเรือนเชิงพาณิชย์ของ Lockheed Martin กล่าวว่า "Starlab เป็นการหลอมรวมความเชี่ยวชาญด้านอวกาศและประวัติศาสตร์ที่รุ่มรวยของ Lockheed Martin เข้ากับนวัตกรรมของ Nanoracks และความรู้ทางด้านการเงินของ Voyager ทีมนี้พร้อมที่จะช่วยเหลือ NASA สำหรับภารกิจในการขยายการเข้าถึง LEO และสร้างเศรษฐกิจอวกาศเชิงพาณิชย์ในรูปแบบใหม่"
Nanoracks จะเป็นหัวเรือในการพัฒนา Starlab โดยอาศัยประสบการณ์กว่าทศวรรษในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำระดับโลกด้านการใช้ ISS เชิงพาณิชย์ ขณะที่ Voyager Space ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Nanoracks จะเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์และการลงทุน ส่วน Lockheed Martin ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและปฏิบัติการเทคโนโลยียานอวกาศที่ซับซ้อน จะรับหน้าที่เป็นผู้รวมระบบทางเทคนิคของสถานีอวกาศที่ล้ำสมัยแห่งใหม่นี้
คุณ Dylan Taylor ประธานและซีอีโอของ Voyager Space กล่าวว่า "เราไม่ควรประเมินค่าผลกระทบของ Starlab ต่อการทำการตลาดอวกาศนั้นต่ำเกินไป" พร้อมเสริมว่า "ในปัจจุบัน เราเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งธุรกิจอวกาศนั้นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลอดจนมีความยั่งยืนเชิงพาณิชย์ และลงทุนอย่างดี เราต้องอาศัยโลกทั้งใบในการสำรวจจักรวาล ดังนั้น เราขอเชิญชุมชนทั่วโลกมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของ Starlab"