ถึงหลายประเทศทั่วโลกจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV กันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่ผ่านมา 10 ปีก็แล้ว 5 ปีก็แล้วในไทยยังเหมือนฝัน จะด้วยภาษีนำเข้าก็ดี ไร้สายการผลิตและประกอบในไทยก็ดี หรือรัฐไทยยังไม่เอื้อต่อการลงทุนของกลุ่มธุรกิจ EV ก็แล้วแต่ แต่ดูเหมือนวันที่คนไทยจะมียานยนต์ EV ใช้ในชีวิตประจำวันกำลังจะมาถึง
‘อมร ทรัพย์ทวีกุล’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำทางด้านพลังงานทดแทนและไบโอ เล่าว่า หลังจากการฝึกฝนและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดยานพาหนะไฟฟ้า (electric vehicle: EV) มานานกว่า 5 ปี ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ‘พลังงานบริสุทธิ์’ เตรียมพร้อมที่จะปล่อยสินค้าในกลุ่ม EV เข้าสู่ตลาดและคนไทยก็จะได้เริ่มเห็นสินค้าในกลุ่มยานพาหนะไฟฟ้าออกวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น
โดยแผนเดิมหลังจากโครงสร้างโรงงานและโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแล้วเสร็จ บริษัทตั้งเป้าจะตีตลาดกลุ่มรถยนต์สำหรับรถแท็กซี่ แต่เนื่องจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 บริษัทจึงปรับแผนจากการลุยตลาดแท็กซี่ไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว มาเน้นตลาดผู้ให้บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัดระยะไม่เกิน 200 กิโลเมตร รถโดยสารรับส่งระยะสั้น หรือรถชัตเตอร์บัสแทน โดยปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตรถบัสได้หลายขนาด ตั้งแต่ 8 เมตร 10 เมตร ไปจนถึง 12 เมตร
ที่สำคัญที่สุดคือในกลุ่มรถบัสไฟฟ้า ‘พลังงานบริสุทธิ์’ ยังเตรียมเสนอตัวเป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทผู้ชนะการประมูลสัมปทานรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่จำเป็นจะต้องใช้รถบัสเข้าประจำการกว่า 2,500 คัน โดยอยู่ระหว่างรอกระบวนการทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน ‘พลังงานบริสุทธิ์’ ยังเตรียมใช้จุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีที่บริษัทฯ สามารถผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไว (fast charge) ในการเข้าสู่ตลาดโลจิสติกให้ผู้ประกอบการมีโอกาสได้เลือกใช้รถขนส่งไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่าในการใช้งานมากขึ้น โดยในปลายไตรมาส 1 ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 บริษัทฯ เตรียมผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาด โดยกำลังผลิตของโรงงานมีราว 3,000 คัน และสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้สูงสุดเป็น 6,000 คัน
โดยนอกจากธุรกิจรถยนต์และรถบัสไฟฟ้าแล้ว ในปลายปี 2563 ที่กำลังจะล่วงเข้าสู่ปี 2564 ‘พลังงานบริสุทธิ์’ ยังได้ทดลองให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าแล้วในช่วงปลาย ธ.ค. นี้ ภายใต้บริษัทลูก บริษัท อี-สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด โดยเบื้องต้นผลิตและพร้อมเปิดให้บริการแล้ว 3 ลำในเส้นทางท่าสะพานพระราม 5 – ท่าสาทร และคาดว่าจะเปิดบริการได้ครบ 27 ลำในปลายไตรมาส 1 ปีหน้า ค่าโดยสารเริ่มต้น 20 บาทตลอดสายในช่วงสำรวจตลาด ก่อนพิจารณาปรับเพิ่มอีกครั้งหลังเก็บข้อมูลตลาดเสร็จสิ้น
‘อมร’ เผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ในปี 2564 เอาไว้ที่ 20-30% หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาลิเธียมแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) อย่างรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และเรือไฟฟ้าที่ส่วนวางโครงสร้างโรงงานและเตรียมการผลิตเสร็จสิ้น เข้าสู่ขั้นตอนออกสู่ตลาด
โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะขยับสัดส่วนรายได้ขึ้นมาอยู่ 20-30% จากรายได้ทั้งเครือของบริษัทจากในปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น
“โลกวันนี้ไม่ได้สงสัยอีกแล้วว่า EV จะมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามาเร็วแค่ไหนเท่านั้น สำหรับผมมองว่ามนุษย์รับเอาสิ่งที่ดีกับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตได้เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ ไม่ถึง 5 ปีหรือ 10 ปีหรอก อีกไม่นาน EV นี่แหละจะเป็นเรื่องใกลตัวเรา ในมุมนึงคือต่อยอดธุรกิจให้เติบโต อีกมุมคือผลักดันให้ประเทศไทยสร้างธุรกิจใหม่ๆ ในยุคดิสรัปชัน”
“สำหรับพลังงานบริสุทธิ์หวังว่าธุรกิจ EV จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของบริษัท โดยปีหน้าจะเริ่มเห็นบทบาทและอีกไม่นานน่าจะมีบทบาทสำคัญ สร้างรายได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับบริษัทเพิ่มเติมจากรายได้อื่นๆ ของเรา”
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9 เดือนของปีก่อน 17% และมีกำไรสุทธิ 3,720 ล้านบาท ธุรกิจไบโอดีเซลมีรายได้ 4,639 ลำนบาท เพิ่มขึ้น 72% ด้านรุรกิจไฟฟ้ามีรายได้ 7,795 ล้านบาท ลดลง 2% เหตุจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้น้อยกว่าที่คาด เพราะนี้กระแสลมแรงเลื่อนมาเกิดในไตรมาส 4 ส่วนรายได้จากโซลาร์เพิ่มขึ้น 3% ส่วนไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 3,801 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท
เครดิตจาก :
Sirarom | Writer : workpointtoday
