“ท่านเจ้าคุณจะต้องเป็นประธานในการประทับทรงทุกครั้งไป ผู้ที่จะเป็นร่างทรงคือสามเณรหรือแม่ชีผู้มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น ฆราวาสไม่เอา ประชาชนที่จะมาบำบัดทุกข์ทั้งกายและใจนี้จะต้องทำบัญชีรายชื่อไว้เป็นหลักฐาน เหมือนทะเบียนประวัติคนไข้ตามโรงพยาบาล แล้วจากนั้นนำคนมีทุกข์ที่ได้ลงชื่อเสียงเรียงนามแล้วมาให้หม่อมฉันตรวจสอบอาการดูว่
า เขาเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรกันแน่ ถ้าเป็นโรคภัยไข้เจ็บทางกาย ก็จะได้สั่งยาให้กินเช่นยาไทย ยาจิต ยาฝรั่ง หรือสมุนไพรที่มีอยู่ตามเรือกสวนไร่นา แต่ถ้าเป็นประเภทโรคจิตฟั่นเฟือน มึนซึมกระทือ เป็นบ้าใบ้ เสียจริต มึนงงหลงใหล หวาดกลัวร้องไห้ หัวเราะ ใจคอหงุดหงิด จิตไม่เที่ยง ฝันร้ายนอนสะดุ้งคิดมาก ปวดหัวมัวตานาน ๆ ต้องคุณผี คุณคนทำ ผีเข้าเจ้าสิง เป็นโรคลมต่าง ๆ ไข้หนาว ๆ ร้อน ๆ เจ็บท้อง เจ็บหน้าอก ง่อยเปลี้ยเสียขา ตามืดบอด ปวดหลังปวดเอว สัตว์พิษกัดต่อย อะไรเหล่านี้ จะต้องรักษากันด้วยน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์และจิตอำนาจเทวฤทธิ์” พญานาคราช กล่าว
“สาธุ เป็นพระมหากรุณาของพระองค์ยิ่งล้นพ้นที่ทรงมีจิตคิดเมตตาต่อมนุษย์ผู้มีทุกข์ทั้งหลา
ยในโลกนี้ หม่อมฉันพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตามประสงค์ทุกประการ”
ท่านพ่อฯ กล่าวด้วยบังเกิดความเชื่อมั่นแน่แล้วว่าวิญญาณที่ประทับทรงร่างสามเณรทรัพย์นี้ คือ พญานาคราชเจ้าผู้มีอิทธิฤทธิ์บารมีในทางสัมมาทิฎฐิ เป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ รับบัญชาการจากพระอินทราธิราช
“พระองค์ต้องการจะให้มีเครื่องเซ่นสรวงบูชาอะไรบ้างหรือเปล่า”
“เครื่องเซ่นสรวงบูชาไม่เอา ขายหน้าชาวต่างชาติต่างศาสนาเขา ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง หม่อมฉันขอน้ำเปล่าสักถ้วยหนึ่งก็พอแล้ว ด้วยว่าน้ำนี้เป็นสภาวะของพวกนาคราช คือ ต้องอาศัยน้ำเป็นสื่อปัจจัยถ้าใครผู้ใดมีจิตรำลึกถึงต้องการจะติดต่อด้วยกับหม่อมฉัน
ก็ขอให้ตั้งถ้วยน้ำขึ้น แล้วลอยด้วยดอกมะลิหอม จุดธูปเจ็ดดอก กล่าวอัญเชิญก็จะสามารถส่งกระแสจิตติดต่อกันได้ทันที” พญาสัทโทนาคราชเจ้ากล่าว
นี้คือค้นเหตุความเป็นมาแรกเริ่มเดิมที่จะจัดให้มีการประทับร่างทรงพญานาคทั้ง ๗ องค์ขึ้นที่วัดพระธาตุพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร ได้กล่าวอยู่เสมอว่า พระมหาเจดีย์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐๐ ปี องค์นี้เป็นที่รวมชีวิตจิตใจของชาวภาคอีสานและพี่น้องฝั่งลาวทั่วประเทศ เวลามีงานเทศกาลประจำปีจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำโขงมานมัสการเป็นแสน ๆ มีจำนวนไม่น้อยที่มาขอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคทั้ง ๗ ไปกิน ไปทารักษาโรคภัยไข้เจ็บจนหายเป็นปกติดีเป็นที่เรื่องลือในเรื่องความมหัศจรรย์ บ้างก็มาขอหยูกยา บ้างก็มาขออาบน้ำมนต์ บ้างก็มาขอบูชาพระเครื่องที่พญานาคทั้ง ๗ ปลุกเสก
“ให้เอาน้ำใสสะอาดใส่ เอาผ้าขาวสะอาดหุ้มปากให้แน่นแล้วยกเข้าไปตั้งไว้ติดโคนฐานองค์พระธาตุพนมภายในกำแพง
แก้ว เก็บไว้ในที่นั้นอย่างน้อยหนึ่งคืน เพื่อให้ท่านเสกคาถาเทวฤทธิ์ วันรุ่งขึ้นก็เอาออกมาใส่หม้อน้ำมนต์ที่อยู่ในกุฏิของท่าน เมื่อใครเป็นอะไรให้มาขอก็ให้ไป” สำหรับไหพระธาตุนี้ เมื่อคราวพระธาตุพนมพังทลายปี ๒๕๑๘ ไหน้ำมนต์พระธาตุตั้งอยู่ในบริเวณกำแพงแก้วชั้นที่ ๒ ห่างจากองค์พระธาตุพนมประมาณ ๓ เมตร อยู่ในท่ามกลางอิฐซึ่งพังลงมาทับถมอยู่รอบ ๆ ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม
นอกจากการเสกน้ำมนต์รักษาคนไข้แล้ว พญานาคราชเจ้าที่ประทับทรงสามเณรยังรักษาคนที่ป่วยเป็นนิ่วให้ด้วยโดยการใช้พลังเทวอ
ำนาจสูบนิ่วออกมาให้เห็นกับตา คนป่วยเป็นพันรายหายจากการทรมานจากโรคนิ่วโดยวิธีนี้
วิธีการรักษาก็คือ ขั้นแรกจะต้องทำพิธีอัญเชิญพญานาคราชเจ้าทั้ง ๗ องค์มาชุมชนเสียก่อน ต่อจากนั้นสามเณรก็จะเข้าสมาธิจิตติดต่อเข้าเฝ้าพญานาคราชเจ้าทั้งเจ็ด ตอนนี้เองพญานาคราชองค์ใดองค์หนึ่งจะเข้าประทับทรงร่างสามเณร ท่านพ่อฯ ซึ่งเป็นประธานในการประทับทรงนี้ จะให้คนไข้ที่เป็นนิ่วเข้ามานั่งหน้าแท่นพุทธบูชาห่างจากสามเณรประมาณ ๑ วา โดยมีพระผู้เชี่ยวชาญวิปัสสนาธุระอีกรูปหนึ่งนั่งอยู่ห่าง ๆ หลับตาทำสมาธิคอยตรวจสอบเหตุการณ์ เมื่อพญานาคเข้าประทับทรงสามเณรแล้ว พญานาคจะบอกให้คนไข้นั่งตามสบาย เพื่อให้ท่านตรวจหาก้อนนิ่วในท้อง และโรคภัยอื่น ๆ ที่อาจมีแอบแฝงอยู่ ใช้เวลาตรวจสอบประมาณ ๑ นาที ก็สามารถจะบอกได้ว่า ในท้องมีนิ่วกี่ก้อน จากนั้นก็ให้คนไข้อ้าปากขึ้น สักครู่เดียวพญานาคราชเจ้าจะดูดเอาก้อนนิ่วในท้องออกมา แล้วพ่นออกจากปาก (ปากของสามเณร โดยก้อนนิ่วนี้จะมาเข้าปากสามเณรที่ถูกประทับทรงก่อนแล้วจึงพ่นออกมาอีกที)
พระผู้เชียวชาญวิปัสสนาธุระ หลับตาทำสมาธิ จิตคอยตรวจสอบเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาบอกว่า “ขณะที่คนไข้เป็นนิ่วอ้าปากอยู่นั้น มองเห็นกายทิพย์ของมนุษย์ร่างหนึ่งมีขนาดโตเท่านิ้วก้อยมีรัศมีสุกปลั่ง เหมือนประกายดาวบนฟ้าได้ลอยพุ่งออกจากร่างสามเณร เลื่อนไหลเข้าไปในปากคนไข้ แล้วก็กลับออกมาเข้าร่างสามเณรอย่างเดิม จากนั้นก็เห็นสามเณรพ่อนก้อนนิ่วออกจากปาก”
ต่อมาพญานาคราชเจ้าได้เข้าประทับทรงทำการักษาโรคใช้ชาวบ้านอย่างพิสดารมหัศจรรย์ นั่น คือ รักษาโรคมะเร็งขแงเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ด้วยการสูบเลือดให้ออกจากร่างคนไข้ พ่นออกมาทางร่างประทับทรง ลงกระโถนแล้วเต็มเลือดบริสุทธิ์ให้ด้วยสภาวะทิพย์ ปรากฏว่ารักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งของเม็ดเลือดขาวด้วยวิธีนี้ หายเป็นปกติมีอายุยืนยาวต่อไปหลายรายเป็นที่เลื่องลือ